Generative AI คืออะไร ทำอะไรได้บ้าง จะแย่งงานคนหรือไม่ ?

May 2, 2024
Gen AI

ในปี 2024 นี้ เชื่อว่าทุกคนจะต้องเคยได้ยินชื่อ ChatGPT หรือ Gemini กันมาไม่มากก็น้อย และหลาย ๆ คนอาจจะเคยลองใช้แล้วด้วย แต่มันคืออะไรกันล่ะ? 

ChatGPT และ Gemini คือ Generative AI (หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Gen AI) ที่ช่วยให้เราทำงานได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล หรือช่วยสรุปงานเอกสารต่าง ๆ แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยได้ยินก็ไม่เป็นเป็นไรนะคะ เรามาทำความรู้จักกับ Generative AI ไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า

Highlight 

  • Generative AI คือองค์ประกอบหนึ่งของ AI (Artificial Intelligence)
  • Generative AI เป็นการสร้างข้อมูลขึ้นใหม่ จากข้อมูลที่หลากหลายที่ถูกป้อนเข้าระบบ
  • ปัจจุบัน Gen AI สามารถสร้างข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดีโอ
  • สร้างรูปภาพ พากย์เสียง  Text-to-speech แก้ไข Grammar สามารถทำด้วย Gen AI 
  • Generative AI เป็นเทคโนโลยีที่สามารถนำมาพัฒนาธุรกิจได้หลากหลายรูปแบบ เช่น Content Creator การพัฒนาโมเดลธุรกิจ 

Generative AI คืออะไร

Generative AI (Generative Artificial Intelligence / Gen AI) คือ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ใช้การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) สรรค์สร้างข้อมูลเนื้อหาใหม่ ๆ แบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มนุษย์ สามารถสร้างคอนเทนต์ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอ และอื่น ๆ จากข้อมูลที่ถูกป้อนเข้ามาในระบบ ความสามารถของ Generative AI เข้ามาช่วยพัฒนาธุรกิจได้ในหลาย ๆ ด้าน 

ตัวอย่าง ระบบ Generative AI ที่โด่งดัง ได้แก่ ChatGPT พัฒนาโดย OpenAI เปิดตัวในปี 2022 Gemini (ชื่อเดิมคือ Bard) พัฒนาโดย Google เปิดตัวหลัง ChatGPT ไม่นาน และ Claude น้องใหม่ล่าสุด เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง ซึ่ง Claude พัฒนาโดย Anthropic สตาร์ทอัพ AI ที่ Google เข้าไปลงทุน

Generative AI ต่างจาก AI อย่างไร

องค์ประกอบ Gen AI

แต่ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับ Generative AI  กันแบบละเอียด เรามาทำความรู้จัก AI ในภาพกว้างกันก่อนดีกว่าค่ะ จะเห็นว่าจากรูป AI (Artificial Intelligence) คือ วงกลมที่ใหญ่ที่สุดที่รวบรวมทุกอย่างไว้ด้วยกัน AI คือ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเลียนแบบความฉลาดและความสามารถในการแก้ปัญหาของมนุษย์ ตัวอย่างของ AI ที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน ได้แก่ Digital Assistant เช่น Siri, Amazon Alexa, Google Assistant เป็นต้น และยังมีระบบนำทาง GPS รถยนต์อัตโนมัติ และ Gen AI ที่เรากำลังจะพูดถึงกัน

มาดูกันที่วงที่เล็กรองลงมา นั่นคือ Machine Learning (ML) คือเทคโนโลยีอัลกอรึทึม (Algorithm) ที่ใช้ Neural Network (โครงข่ายประสาทเทียม) ในการเรียนรู้ข้อมูลจำนวนมาก จากนั้นประมวลผลในการตัดสินใจให้เหมือนกับสมองของมนุษย์ และเลือกข้อมูลที่เหมาะสมกับคำถามหรือข้อมูลที่ถูกป้อนเข้ามาที่เหมาะสมที่สุดมาแสดงผล

เช่นเดียวกันกับ Deep Learning ที่ถูกฝึกมาให้ตัดสินใจเหมือนกับสมองของมนุษย์เหมือนกับ Machine Learning เพียงแต่จะมีความเฉพาะเจาะจงและเสนอข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น ซึ่งความแตกต่างระหว่างอัลกอรึทึม 2 ตัวนี้คือการใช้ Neural Network ที่แตกต่างกัน และกระบวนการที่มนุษย์เข้าไปเกี่ยวข้อง กล่าวคือ deep learning จะใช้ ส่วนการเรียนรู้โดยไม่มีผู้บังคับบัญชา (Unsupervised Learning) หรือไม่ต้องให้คนเข้าไปช่วยในการประมวลผล ทำให้ Deep Learning เหนือกว่า Machine learning ในแง่ของ Scale (การขยายฐานเติบโต)

สุดท้าย Generative AI ที่เป็นขั้นกว่าของ Deep Learning ที่สามารถใช้ข้อมูลดิบ (Raw Data) จากข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตมาเพื่อ “สร้าง” ข้อมูลขึ้นใหม่ที่คล้ายกับข้อมูลเดิม แต่ “ไม่เหมือน” กับข้อมูลต้นฉบับ โดยปัจจุบัน Gen AI สามารถสร้างข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง และสร้างวิดีโอได้ด้วย

สรุป

  • Artificial Intelligence (AI): คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ช่วยสร้างเครื่องมืออันชาญฉลาด
  • Machine Learning (ML): คือหน่วยย่อยของ AI ที่เรียนรู้จากข้อมูลที่ถูกฝึก
  • Deep Learning (DL): คือหน่วยย่อยของ ML ที่เรียนรู้จากข้อมูลที่ใช้ระบบ Neural Network สำหรับงานที่ซับซ้อนมากขึ้น
  • Generative AI: คือ ML ประเภทหนึ่งที่สร้างสรรค์ข้อมูลขึ้นมาใหม่

ความสามารถของ Generative AI

ตัวอย่าง Gen AI แบ่งตามการใช้งาน

หลังจากที่เราทำความรู้จักกับ Genarative AI กันแล้ว เรามาดูกันว่า Generative AI มีกี่ประเภท และ Generative AI มีอะไรบ้าง โดยเราจะแบบตามประเภทการใช้งานได้ดังนี้

Image Generation (รูปภาพ)

Generative AI สามารถช่วยให้เราสร้างรูปภาพขึ้นมาใหม่ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ใส่ Prompt หรือคำสั่งว่าเราต้องการอะไรในรูปภาพบ้าง หรือต้องการให้ออกมาเป็นสไตล์ไหน ตัวอย่างของ Genarative AI ที่สร้างรูปภาพ ได้แก่ Image Creator, DALL-E 2, Midjourney, Adobe Firefly เป็นต้น

AI เหล่านี้จะช่วยให้สร้างรูปภาพได้รวดเร็ว สร้างสรรค์ และประหยัดต้นทุนมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างภาพหลากหลายสไตล์ ต้องการสร้างภาพที่มีความละเอียดสูง หรือต้องการสร้างภาพจากจินตนาการ

Speech Generation (เสียง)

เชื่อว่าทุก ๆ คนจะต้องคุ้นเคยกับ Genarative AI ที่ใช้สร้างเสียงคล้ายกับมนุษย์อยากแน่นอน ถ้าให้พูดถึงตัวที่ดังที่สุดก็คงไม่พ้น Siri ที่อยู่กับผลิตภัณฑ์ของ Apple มาเนิ่นนาน รวมไปถึง Google Assistant และ Alexa ซึ่ง AI เหล่านี้ใช้เทคโนโลยี การแปลงข้อความเป็นเสียง (Text-to-speech) ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับผู้พิการทางสายตา ผู้ที่มีปัญหาในการอ่าน ผู้ที่ต้องการฟังข้อความระหว่างทำกิจกรรมอื่น ๆ 

นอกจากนี้ยังมีการใช้ Gen AI ลงเสียงพากย์ (Voiceover) สร้างคำบรรยายสำหรับวิดีโอ โฆษณา สื่อการสอน หรือภาพยนตร์ ตัวอย่างโปรแกรมที่ใช้สร้างเสียงพากย์ เช่น Clipchamp, Adobe Premiere Pro และ Audacity เป็นต้น

และยังมีการใช้ในการสร้างเสียงตอบรับอัตโนมัติ (Interactive Voice Response) เทคโนโลยีนี้นิยมใช้สร้างเสียงตอบรับอัตโนมัติสำหรับระบบโทรศัพท์ เช่น ระบบตอบรับอัตโนมัติของธนาคาร สายด่วน หรือระบบบริการลูกค้าอีกด้วย

Text Generation (ข้อความ)

มาถึงส่วนที่น่าจะคุ้นเคยกันมากที่สุดนั่นก็คือการใช้ Gen AI ในการสร้างข้อความ หรือ Text ประเภทต่าง ๆ เช่น บทความ อีเมล จดหมาย บทกวี โค้ด บทละคร บทเพลง ฯลฯ โดยมีการใช้เทคโนโลยี Deep Learning ประมวลผลภาษาและรูปแบบการเขียนของมนุษย์ จากนั้นก็สร้าง Text ขึ้นมาใหม่เพื่อตอบ Prompt ที่เราป้อนเข้าไป ซึ่งก็ทำได้ตั้งแต่การเช็กแกรมมาร์ ปรับรูปประโยค เรียงประโยคใหม่ จนไปถึงการเขียนคอนเทนต์ลงบล็อกหรือเว็บไซต์ เขียนสรุปและรายงานต่าง ๆ

เรามาดูตัวอย่างการใช้เบื้องต้นกันเลยดีกว่า สมมติว่าเราจะส่งข้อความนี้ผ่านแชทของทีม แล้วเราอยากให้ AI ช่วยตรวจแกรมมาร์ ก็สามารถป้อน Prompt “Check grammar: [ตามด้วยข้อความที่เราต้องการจะตรวจ” ได้เลย โดยตัวอย่างที่ผู้เขียนยกมาถูก Generate โดยใช้ Genarative AI  ยอดฮิตแบบไม่เสียเงินทั้งหมดเลย

ข้อความต้นฉบับ: Our company are planning to launch it's new product next month, but they're still some issues with the production process. We was hoping to resolve them before the deadline, but it seems like we'll need more time. I'll inform the stakeholders about the delay.

และนี่คือสิ่งที่ ChatGPT แก้ให้เรา

ตัวอย่างการใช้ Gen AI: ChatGPT

มาดูฝั่ง Gemini กันบ้าง ทั้งแก้ให้และยังอธิบายด้วยว่าเราพิมพ์ผิดตรงไหนและประเด็นอะไร

ตัวอย่างการใช้ Gen AI: Gemini

และสุดท้าย Claude Gen AI น้องใหม่ล่าสุด ที่ทำได้ดีไม่แพ้ Gemini นอกจากจะแก้จุดที่ผิดแล้ว ยังแนะนำอีกด้วยว่าเราเขียนผิดในประเด็นไหน

ตัวอย่างการใช้ Gen AI: Claude

Video and 3D Generation (วิดีโอและ 3D)

การพัฒนา Generative AI เพื่อสร้างภาพเคลื่อนไหวหรือวิดีโอในปี 2024 นี้มีผู้เล่นหลายเจ้ากระโดดเข้ามาทำมากขึ้น และพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยเราสามารถสร้างวิดีโอขึ้นมาหนึ่งอันได้เพียงแค่ปลายนิ้วโดยการป้อนรายละเอียดที่เราต้องการเข้าไป

เจ้าที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Synthesia ที่รองรับกว่า 120 ภาษา (รวมภาษาไทย) และสามารถเลือกอวตาร์ (Avatar) ได้มากกว่า 140 แบบ 

Code Generation (โค้ด)

Genarative AI สามารถช่วยเขียนโค้ดได้เช่นเดียวกัน โดยมีความสามารถตั้งแต่การตรวจจับความเสี่ยงในระบบ ทำความเข้าใจ Codebase ใหม่ ๆ ถือได้ว่าเป็นเครื่องทุ่นแรงชั้นดีสำหรับ Developer และ Programmer ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ โดย LLMs (Large Language Models) จะทำความเข้าใจ และเลียนแบบลำดับและรูปแบบการเขียนโค้ดของมนุษย์ จากนั้นก็ Generate โค้ดที่เราต้องการออกมา Gen AI ที่ใช้ในการเขียนโค้ด ได้แก่ ChatGPT และ GitHub Copilot เป็นต้น โดย Genarative AIเหล่านี้จะถูกเทรนด้วยภาษาธรรมชาติ (Natural Language: NLP) และแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับโค้ดอื่น ๆ ที่เผยแพร่แก่สาธารณะ

Generative AI อื่น ๆ

นอกจากความสามารถที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เราสามารถใช้ Gen AI มาช่วยได้ในเรื่องต่อไปนี้ 

  • ใช้แต่งเพลง และทำ Sound Effect
  • ใช้จำลองโครงสร้างโมเลกุลเพื่อผลิตยาให้ ตอบรับกับโรคต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
  • ใช้ทำแบบฝึกหัด หรือสร้างเกมเพื่อใช้เป็นสื่อการสอน
  • ใช้จำลองตลาดการเงิน (Financial Market Simulation)

ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นการใช้ประโยชน์จาก Genarative AI เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ความสามารถของ Genarative AI ยังมีอีกมากมาย และ ในอนาคต Gen AI ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้เราได้ศึกษากันต่อไป

นำ Generative AI มาพัฒนาธุรกิจอย่างไรได้บ้าง 

Genarative AI กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจยุคใหม่ ด้วยความสามารถอันน่าทึ่งในการสร้างเนื้อหา แปลภาษา เขียนโค้ด และอื่น ๆ อีกมากมาย Genarative AI ช่วยให้ธุรกิจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดเวลา และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจ โดยเราสามารถใช้ Genarative AI มาช่วยธุรกิจในด้านต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น 

Content Creator some text

  • การเขียนบทความ: Genarative AI สามารถเขียนบทความ บทความบล็อก อีเมล และสร้างสรรค์คอนเทนต์อื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยที่เราสามารถเน้น SEO ได้ด้วย
  • การสร้างวิดีโอ: Genarative AI สามารถสร้างวิดีโอแอนิเมชัน และวิดีโอประเภทต่าง ๆ โดยไม่ต้องถ่ายทำและตัดต่อเอง
  • การออกแบบกราฟิก: Genarative AI สามารถออกแบบโลโก้ ไอคอน โปสเตอร์ และสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที

การตลาด

  • Genarative AI ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้า เข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำแคมเปญต่าง ๆ ตัวอย่างการใช้งาน เช่น
  • การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า: ระบุกลุ่มเป้าหมาย และสร้าง Persona ของลูกค้า
  • การทำ Personalized Marketing: Gen AI ช่วยให้ธุรกิจสร้างข้อความ โฆษณา และเนื้อหาที่ตรงใจลูกค้าแต่ละกลุ่ม
  • การทำ A/B Testing: Gen AI ช่วยให้ธุรกิจทดสอบแคมเปญการตลาด หาตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

พัฒนาโมเดลทางธุรกิจ

  • Genarative AI  ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ คาดการณ์อนาคต และสร้างโมเดลทางธุรกิจใหม่ ๆ ตัวอย่างการใช้งาน เช่น
  • การวิเคราะห์ความเสี่ยง: เราสามารถใช้ Gen AI วิเคราะห์ข้อมูล คาดการณ์ความเสี่ยง เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจได้
  • การค้นหาโอกาสทางธุรกิจ: Gen AI สามารถช่วยวิเคราะห์ตลาด ค้นหาโอกาสใหม่ ๆ และสร้างกลยุทธ์ที่ตรงจุด
  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่: เมื่อมีการวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว เราสามารถให้ Gen AI ช่วยวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด

ปรับปรุงกระบวนการ (Operations)

  • Genarative AI ช่วยให้ธุรกิจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดเวลา และลดต้นทุน ตัวอย่างการใช้งาน เช่น
  • การสรุปข้อมูล: เราสามารถใช้ Gen AI ในการวิเคราะห์หรือตีความข้อมูลขนาดใหญ่ ที่ไม่เป็นระบบ (Unstructured Data) เพื่อค้นหาและสรุปข้อมูลคำตอบ รวมถึงการวิเคราะห์บริบทของสถานการณ์นั้น ๆ 
  • การสร้าง Customer Engagement: Gen AI จะคอยช่วยบริการและช่วยเหลือลูกค้าในทุก ๆ ขั้นตอนของการบริการ
  • การเพิ่ม Productivity และลดต้นทุน: Gen AI สามารถเข้ามาช่วยในขั้นตอนการผลิตได้เช่นกัน โดยที่จะเพิ่ม Productivity ผ่านการวิเคราะห์ต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการผลิต เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหานั้นซ้ำ ๆ

บทสรุปของ Generative AI

Genarative AI  เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และเข้ามาช่วยทุ่นแรงในหลากหลายด้านและในหลายอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่สร้างงานศิลปะ เขียน Content Marketing ไปจนถึงการเขียนโค้ด พัฒนาโปรแกรมและสร้างเกม ทั้งนี้ Genarative AI ก็ยังมีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างรวมถึงมีข้อกังวลเรื่องความน่าเชื่อถือของข้อมูล อคติที่เกิดขึ้นจากข้อมูลที่ใช้ในการเทรน AI การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมไปถึงการที่ AI จะเข้ามาแย่งงานคน

อย่างไรก็ตามทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันหาทางรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายที่อาจจะแก้ไขไม่ทัน อย่างไรก็ตามการที่จะปฏิเสธ AI Disruption นั้นเป็นไปได้ยาก องค์กรควรทำความเข้าใจ เพื่อนำไปใช้ในองค์กรได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ผู้เขียนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า AI จะไม่สามารถแทนที่มนุษย์ได้ แต่คนที่ไม่ใช้ AI ต่างหากที่จะถูกแทนที่ด้วยคนที่ใช้ AI เป็นเครื่องมือ

Disrupt Corporate Program เข้าใจถึงความสำคัญของการเรียนรู้และพัฒนาองค์กรในด้าน AI เราพร้อมช่วยคุณตั้งแต่วางหลักสูตร จัดหา Speaker คอยดูแลตลอดหลักสูตร และปรับคลาสเรียนและเวิร์คช็อปให้เหมาะกับนักเรียนแต่ละกลุ่ม

สนใจหลักสูตรฝึกอบรม กรอกฟอร์มได้ที่ https://forms.gle/zgzmLGNgJNAJEXX66

หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

  • โทร 083-7698763 (แพรว)
  • โทร 061-0207826 (ปานวาด)

Reference 

Update ความรู้จาก Disrupt ได้ที่ช่องทาง