5 จุดแข็งของสตาร์ทอัพหน้าใหม่อย่าง Instawash แอพพลิเคชั่นล้างรถตอบโจทย์คนเมือง อยู่ที่ไหนก็ล้างรถได้ หนึ่งในสตาร์ทอัพโครงการ dtac Accelerate batch 7 !

July 5, 2019
Disrupt Team

ในยุคที่ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ทุกอย่างย้ายไปอยู่บนสมาร์ทโฟนไปเสียหมด  ทั้งการสั่งอาหาร เรียกแท็กซี่/วินมอเตอร์ไซด์ จ่ายตลาด ซักผ้า ไม่เว้นแม้กระทั้ง “การล้างรถ”

ด้วยบริการล้างรถ on-demand ผ่านมือถือ กับจุดเด่นที่ให้ผู้ใช้บริการล้างรถที่ไหน เวลาใดก็ได้ ตามต้องการ อย่าง “Instawash” แล้วอะไรเป็นจุดสนใจ ที่ทำให้คนเมืองที่ไม่มีเวลา ถึงสนใจสตาร์ทอัพหน้าใหม่นี้ ?

เราจะมาเผยถึง 5 จุดแข็ง ที่ทำให้ Instawash เป็นที่นิยมของคนยุคมิลเลนเนียล และมุมมองต่อการเติบโตของ Instawash

1. ทีมแข็งแกร่งด้วย Passion และความหลงใหลในธุรกิจ

ทีมผู้ก่อตั้งมากความสามารถ มี ความรู้และความเข้าใจ ในอุตสาหกรรมนี้เป็นอย่างดี และด้วยความที่เป็นคนรักรถมาก ๆ รวมถึงเป็นนักสะสมรถเป็นต้นทุนอยู่แล้ว จึงสามารถถ่ายทอด Passion ที่มีต่อธุรกิจของตัวเองเอง ผ่านการบริการและการบริหารจัดการต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่น ฟีเจอร์การบันทึกภาพระหว่างการล้างรถด้วยกล้อง Go Pro และส่งรูปให้ลูกค้าดูผ่านแอพพลิเคชันเมื่อทำงานเสร็จ

และอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความรู้ความสามารถ คือ ทัศนคติ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ เพราะจะช่วยให้เข้าใจความต้องการและเข้าใจปัญหาของลูกค้า และพาร์ทเนอร์ ได้เป็นอย่างดี และยังส่งผลต่อคุณภาพการบริการของพนักงานอีกด้วย จึงไม่แปลกใจที่พนักงานแต่ละคนของ instawash นั้น ให้บริการดูแลรถลูกค้า เสมือนดูแลรถสปอร์ตของตัวเอง

2. ความเป็นผู้บุกเบิก

ด้วยรูปแบบธุรกิจที่ยังไม่มีเจ้าไหนทำมาก่อนในไทย จึงทำให้ Instawash เป็นแอพพลิเคชั่นล้างรถ on-demand รายแรก และหนึ่งเดียวในตลาด

ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบ วุ่นวาย การจราจรติดขัดในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพ ทำให้หลาย ๆ ครั้งการฝ่ารถติด เอารถไปล้างไม่ใช่เรื่องง่ายของคนกรุง หนำซ้ำกับราคาที่ดินที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ การจะทำคาร์แคร์ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ ในโลเคชั่นที่ดี เดินทางสะดวก อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีเท่าไหร่นักสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ทั้งต้นทุนที่สูง และยังจำกัดปริมาณลูกค้าด้วยขนาดพื้นที่ของร้าน  ในขณะที่ instawash ไม่ต้องอาศัยพื้นที่ ไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องให้ผู้ใช้บริการเสียเวลาเดินทางมาที่ร้าน เพียงแค่จอดรถไว้ในที่จอดรถตามปกติ ไม่ว่าจะคอนโด หรือ ออฟฟิศ พนักงานของ instawash ก็จะเข้าไปให้บริการถึงที่ ไม่เว้นแม้เป็นช่วงดึก นอกจากนี้ ยังสามารถเชคสถานะการล้างรถผ่านแอพลิเคชั่นได้ทุกที่ แม้ตัวจะอยู่ไกล หรืออยู่ต่างประเทศก็ตาม

ความเป็นผู้บุกเบิกในธุรกิจรูปแบบนี้ จึงเข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนเมืองได้อย่างตรงจุด

3. มีตลาดขนาดใหญ่รองรับ

เฉพาะในกรุงเทพมีจำนวนรถยนต์ส่วนตัวถึง 4.3 ล้านคัน เฉลี่ยการล้างรถ 1-3 เดือน/ครั้ง มีค่าใช้จ่ายในการล้างรถอยู่ที่ 300 - 500 บาท และลูกค้ายังสามารถเลือกซื้อบริการเสริมอื่น ๆ ได้อีก เช่น Premium Coating หรือ Interior deep cleaning ฯลฯ  จึงคาดว่า หากบริษัทสามารถขยายการบริการได้คลอบคลุมพื้นที่  น่าจะดึงดูดผู้ใช้บริการได้เมากขึ้น และสามารถทำเงินได้จาก Business Model หลัก รวมถึง Model เสริมอื่น ๆ ที่จะต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ใหม่ในอนาคต

4. มีโอกาสเติบโตสูง

ถึงแม้ว่าธุรกิจนี้ จะเริ่มต้นด้วยบริการล้างรถ แต่ instawash เอง ยังมีการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตด้วย SKUs (Separate Kiosk Unit) เช่นกัน และยังสามารถนำข้อมูลการใช้บริการที่มีอยู่ ต่อยอดพัฒนาธุรกิจไปได้อีก เช่น กลุ่มลูกค้าที่ใช้แพจเกจ Premium เป็นประจำ ก็สามารถต่อยอดผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมอื่น ๆ ให้กับกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ได้อย่างตรงจุด ซึ่งจะทำให้ทั้งผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการ ต่างก็ได้ประโยชน์จากบริการเสริมเหล่านี้ เช่น Insurance Cover และ Premium Tester ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้ผู้ใช้บริการได้ทดลอง ซึ่งจะช่วยต่อยอดให้ธุรกิจเติบโตได้อีก

ภาพตัวอย่างก่อนใช้งาน กับ หลังใช้งาน


5. เทคโนโลยีล้ำสมัยเอาใจคนรักรถ

ถือเป็นมิติใหม่แห่งการล้างรถยนต์ โดยชูความเป็น Eco-Friendly ด้วยนวัตกรรมประหยัดน้ำที่ใช้น้ำเพียง 3-5 ลิตรต่อการล้างรถ 1 คัน โดยไม่ต้องใช้ก็อกน้ำ หรือสายยาง ผสานกับ เทคโนโลยีน้ำยาล้างรถสูตรพรีเมียม แบบเดียวกับที่ใช้ล้างรถแข่ง Formula 1 ด้วยราคาที่จับต้องได้ ผ่านแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย ยิ่งไปกว่านั้น จุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร คือ การทำให้สถานที่ แคบ ๆ อย่าง ที่จอดรถตามคอนโด ห้างสรรพสินค้า หรือตามตึกออฟฟิศ ให้สามารถล้างรถได้โดยไม่ทำให้พื้นเปียกเลยแม้แต่น้อย

แต่อย่างไรก็ดี Instawash ยังมีข้อจำกัดอยู่บางจุดที่พัฒนาต่อ เช่น การขยายแผนบริการให้ครอบคลุมทั่วกรุงเทพ อีกข้อนึงที่สำคัญ คือ ทำให้ผู้ใช้บริการไว้วางใจว่า ล้างรถเดลิเวอรี่สามารถทำได้สะอาดจริง มีประสิทธิภาพจริง ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่ามีอัตราการที่ลูกค้ากลับมาใช้ซ้ำกี่ % ซึ่งหากมีลูกค้ากลับมาใช้ซ้ำเป็นจำนวนมาก ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจและเป็นการพิสูจน์ว่าผลิตภัณฑ์นี้ดีจริง

ดังนั้นอาจจะต้องจับตาดูต่อไปว่า Instawash จะสามารถทำลายข้อจำกัดเหล่านี้ได้หรือไม่

Update ความรู้จาก Disrupt ได้ที่ช่องทาง