เจาะลึกมุมมองประสบการณ์การทำงานที่ Disrupt โดยพี่มิญช

March 10, 2022
Mynch Uranukul
เจาะลึกมุมมองประสบการณ์การทำงานที่ Disrupt Technology Venture บริษัทที่สนับสนุนการพัฒนา Entrepreneurship, Leadership, Innovation เพื่อสร้าง impact ระดับประเทศและภูมิภาค

สวัสดีค่ะ มิญชค่ะ ตอนนี้ทำงานเป็น Business Development and Education Manager ที่ Disrupt Technology Venture ค่ะ จะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ของมิญชที่ Disrupt ค่ะ :)

ต้องบอกว่าการที่ได้เข้ามาทำงานในที่ที่มีโอกาสทำงานเพื่อช่วยพัฒนาบุคคลทั่วไป หรือ leaders องค์กรให้สามารถสร้าง impact พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมวงกว้างได้ ถือว่าตอบโจทย์เป้าหมายส่วนตัวของมิญชตั้งแต่สมัยเรียน มิญชค่อนข้างรู้ตัวเองว่ามีความชอบในด้านการช่วยเหลือคน พัฒนาคน เวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยก็จะเกี่ยวข้องกับด้านนี้ ซึ่งจะรู้สึกมี passion และอินไปกับมัน

แรกเริ่ม ก่อนที่จะมาทำงานที่ Disrupt มิญชได้รับโอกาสทำงานด้าน HR และ People Development ซึ่งเป็นงาน consult ให้องค์กรต่าง ๆ  ทำให้เราเริ่มเล็งเห็นและเข้าใจว่า แท้จริงแล้ว value/why ส่วนตัวของเรา คือ การได้ช่วยเหลือให้คนที่ต้องการพัฒนาตัวเอง ได้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ณ ตอนนั้น มิญชจึงตัดสินใจเริ่มค้นหาเกี่ยวกับ value/why ตรงนี้ด้วยการเข้าไปทำงานที่ Saturday School โดยใช้ความรู้และทักษะที่มี เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยริเริ่มโครงการ Saturday School Student Support ซึ่งเป็นการช่วยพาน้อง ๆ ในเครือข่ายโรงเรียนขยายโอกาส ของโครงการโรงเรียนวันเสาร์ และสนับสนุนพวกเขาไปสู่ความฝันตัวเอง ซึ่งงานประจำที่ทำไปควบคู่ด้วย ณ ขณะนั้น เป็นบริษัท EdTech ซึ่งเป็น Online Learning Platform ที่ช่วยสนับสนุนให้การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา สองจุดนี้จึงยิ่งทำให้ value/why ของตัวเองชัดเจนมากขึ้นไปอีก พอได้มาทำงานที่ Disrupt จึงเป็น opportunity ที่ค่อนข้าง rare มากสำหรับมิญช

การทำงานที่ Disrupt คือ “Opportunity ที่ Rare น่าสนใจและไม่เหมือนที่อื่น”

การทำงานที่ Disrupt นั้นพิเศษและแตกต่างจากสิ่งที่เคยทำมาทั้งหมดเป็นอย่างมาก มีอยู่หลายข้อคิดเห็นที่มิญชมองว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจและไม่เหมือนที่ไหน

1. ได้ทำงานหลายหน้างาน และบางงานก็ยังไม่เคยมีใคร (ในประเทศ) ทำมาก่อน

StormBreaker Venture - Accelerator เจ้าแรกของประเทศไทยที่เน้นโฟกัสด้าน EdTech โดยเฉพาะ

หลาย ๆ องค์กรใช้จุดขายเรื่องทำงานหลากหลายหน้างานเพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ แต่ที่นี่นอกจากจะหลากหลายมาก ๆ แล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน หรือบางทีเป็นเรื่องที่แทบจะเรียกว่าไม่มีใคร (ในประเทศ) เคยทำมาก่อนเลย แต่สามารถสร้าง impact คืนให้กับสังคมได้

ตัวอย่างสิ่งที่ Disrupt ลงมือทำเป็นครั้งแรกในประเทศไทย คือ การสร้าง StormBreaker Venture ซึ่งเป็น Accelerator เจ้าแรกของประเทศไทยโดยเน้นโฟกัสด้าน EdTech หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘โครงการบ่มเพาะผู้ประกอบการด้านการศึกษา’ จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริม สนับสนุนให้ EdTech Startup ที่เพิ่งเริ่มต้น มีศักยภาพเพียงพอที่จะพัฒนาให้เป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้ โดยสิ่งที่ StormBreaker Venture ทำ คือการมอบเครื่องมือที่จำเป็นในการสร้างธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น เงินลงทุน, Mentorship จากผู้เชี่ยวชาญระดับท็อปของประเทศไปจนถึงระดับโลกซึ่งหาตัวจับได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นในแวดวงธุรกิจ สตาร์ทอัพ หรือการศึกษา

2. งาน challenges ใช้ ownership สูง

บรรยากาศการจัดทำโครงการที่ทำร่วมกับ กสศ. และ partner จากทั้งภาครัฐและเอกชน

ซึ่งแน่นอนว่าการที่จะทำงานลักษณะแบบนี้ ไม่ใช่งานที่จะมีความชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น ไม่มี scope ที่ชัดเจน มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องใช้ ownership สูงมากในการขับเคลื่อน เรียกได้ว่าต้องมีใจ มี passion มีแรงผลักดันเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก ๆ ซึ่งจากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาที่อื่น ๆ อาจจะมีจุดที่เราเริ่มที่จะอยู่ตัวกับการทำ task ต่าง ๆ และใช้เวลาน้อยลงกับ task นั้น ๆ แต่ที่ Disrupt เราจะเผชิญกับ learning curve ใหม่ ๆ และความเปลี่ยนแปลง Disruption ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา จนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว 555+

จากที่มิญชได้ทำงานที่ Disrupt ก็ได้มาพบกับพาร์ทที่ค่อนข้าง challenge ซึ่งก่อนหน้านี้ มิญชไม่เคยทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐฯ โดยตรงมาก่อน แต่ที่นี่ทำให้มิญชได้มีโอกาสดูแลโครงการที่ทำร่วมกับ กสศ. ตลอดระยะเวลาหนึ่งปี (และในปีนี้เราก็ยังคงเป็น partner กันต่อมาเรื่อย ๆ) มิญชจึงต้องเรียนรู้วิธีการทำงานในรูปแบบของภาครัฐฯ ใหม่ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่ามีรายละเอียดเยอะมาก ถึงแม้ช่วงแรกจะมีอุปสรรค ต้องเรียนรู้เยอะ แต่ด้วยแรง support ของสมาชิกทีมดิสรัปท์ ทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี รวมถึงโครงการที่เราตั้งใจทำก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีเช่นกัน และนี่เป็นเพียงแค่หนึ่ง project ซึ่งยังมีอีกหลายโครงการที่มิญชได้ทำ และมีความท้าทาย ต้องงัด skill ใหม่ ๆ ขึ้นมาใช้อีกมาก

3. Creativity and quality experience are the key

โปรเจ็กต์ CXO ที่มิญชมีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรมนี้

และ benefit ของการทำอะไรใหม่ ๆ นั่นก็คือ เราไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบเลย เราสามารถปรับหรือเปลี่ยนใหม่ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งที่นี่ encourage การคิดไอเดียสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพื่อมอบ experience ที่ดีที่สุดให้แก่ stakeholders ของเรา สำหรับตัวมิญชเองมาจากบริษัท consult ระดับท็อปของโลก และเคยคิดว่าเราเองก็น่าจะมีของในระดับหนึ่งแล้ว แต่พอมาที่นี่ก็ต้อง reskill เยอะอยู่เหมือนกัน >_< เนื่องจากตอนที่ทำงานที่ปรึกษาจะเป็นงานที่มี framework และมีเส้นกรอบตีชัดเจน

สำหรับหนึ่งในโปรเจ็กต์ที่มิญชคิดว่าต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากที่สุด คือ โปรเจ็กต์ CXO ที่มิญชมีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนในโปรแกรมนี้ โดยเป้าหมายสำคัญของทีมงาน คือ การมอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีที่สุดแบบที่ไม่สามารถหาจากที่ไหนได้ อย่างเช่นกิจกรรม ที่มีทั้งกิจกรรมที่ฝึกทักษะ ให้ความรู้ในคลาสเรียน และกิจกรรมที่ bonding ของนักเรียน ของชำร่วยต่าง ๆ หรือรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทีมงานช่วยกัน craft ขึ้นมา เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขทุกครั้งเมื่อได้เห็นนักเรียน CXO มีความสุข

4. Team and Culture ที่สอดคล้องกับ Direction องค์กร เลอค่าไม่เหมือนใคร 

บรรยากาศการทำงานที่นี่จึงเต็มไปด้วยการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มีความ challenge สูง จึงทำให้ที่นี่เป็น learning culture และความพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เป็นสถานที่ของกลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องการสร้าง impact มาอยู่รวมกัน และที่สำคัญ ยังพร้อมที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มี empathy ให้ความรู้ให้กำลังใจกัน ซึ่งมิญชคิดว่าตรงนี้น่าจะมาจาก nature ของงานในลักษณะนี้ ซึ่งหากทีมไม่ช่วยเหลือกัน หรือไม่มี supportive environment ไม่มีกำลังใจในการทำงาน ก็ยากที่จะทำให้เรื่องยาก ๆ make it happen ได้ นี่จึงเป็นเหมือนอีกหนึ่ง key หลักที่มิญชได้รับจากการทำงานที่นี่

สำหรับโอกาสที่หายากมาก ๆ สำหรับมิญช คือ การได้มีโอกาสเข้าร่วม Round Table กับรัฐบาลของรัฐ Victoria ประเทศออสเตรเลีย ผู้ประกอบการ สถานศึกษาที่สนใจเรื่อง Edtech และ Education landscape ของ ประเทศไทย เพื่อมองหาความร่วมมือในอนาคตด้วย ซึ่งเป็นโอกาสที่มิญชรู้สึกว่าที่นี่ได้ให้โอกาสเราแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ยังให้สิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้น นั่นก็คือ ‘trust ที่ทีมมอบให้’ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามาก

สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วสนใจสิ่งที่ Disrupt ทำ สามารถเข้าไปทำความรู้จักเพิ่มเติมได้ที่ https://www.disruptignite.com และนอกจากนี้ยังสามารถติดตามผ่านช่องทาง Facebook หรือ Linkedin ได้นะคะ :)

#LifeAtDisrupt #DisruptRules

Update ความรู้จาก Disrupt ได้ที่ช่องทาง