SOAR Analysis เครื่องมือวิเคราะห์จุดแข็ง กำหนดเป้าหมายองค์กร

ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การมองหาวิธีวิเคราะห์องค์กรอย่างรอบด้านเป็นสิ่งสำคัญ หลายคนคุ้นเคยกับ SWOT Analysis แต่ยังมีอีกหนึ่งเครื่องมือที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเน้นมุมมองเชิงบวกและอนาคต นั่นคือ SOAR Analysis ซึ่งต่างจาก SWOT ตรงที่เน้น “จุดแข็ง” และ “โอกาส” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักหลักการ องค์ประกอบ และวิธีใช้ SOAR ในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ขององค์กร

Highlight

• SOAR Analysis คือ เครื่องมือวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ที่มุ่งใช้จุดแข็งและโอกาส เพื่อสร้างวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ชัดเจน
• SOAR แตกต่างจาก SWOT คือการวิเคราะห์ที่หลีกเลี่ยงการโฟกัสจุดอ่อน/อุปสรรค แต่มองไปข้างหน้าอย่างสร้างสรรค์
• SOAR ย่อมาจาก Strengths, Opportunities, Aspirations, Results เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการสร้างแรงบันดาลใจ ความร่วมมือ และผลลัพธ์ที่วัดได้จริง

SOAR Analysis คือเครื่องมือในการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้องค์กรระบุและยกระดับจุดแข็งของตัวเอง มากกว่าการโฟกัสที่จุดอ่อน โดย SOAR ย่อมาจาก 4 องค์ประกอบคือ Strengths (จุดแข็ง) Opportunities (โอกาส) Aspirations (แรงบันดาลใจ) และ Results (ผลลัพธ์)

จุดเด่นของ SOAR Analysis

• ช่วยในการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การรีวิวกลยุทธ์ประจำปี รวมถึงการพัฒนาผู้นำ
• ใช้ได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทุกขนาดองค์กร และประยุกต์ได้ทั้งระดับทีมและระดับบุคคล
• เป็นเครื่องมือที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน กระตุ้นแรงจูงใจ และสร้างความสามัคคี

SOAR Analysis เป็นเครื่องมือที่มุ่งเน้น “จุดแข็ง” ขององค์กร เพื่อนำมาใช้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่เกิดผลจริง

1. Strengths (จุดแข็ง)

“อะไรคือจุดแข็งขององค์กร หรือสิ่งที่ทำได้ดีกว่าคู่แข่ง” รวมถึงสินทรัพย์ ความสามารถ และความสำเร็จที่ทำให้แตกต่าง

2. Opportunities (โอกาส)

“อะไรคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในอุตสาหกรรม” เช่น เทรนด์ตลาด นวัตกรรม หรือพันธมิตร ที่สามารถนำมาใช้พัฒนาองค์กร

3. Aspirations (แรงบันดาลใจ)

“เรามองอนาคตอย่างไร” คุณค่า วิสัยทัศน์ และเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาวที่องค์กรต้องการบรรลุ

4. Results (ผลลัพธ์)

“เราจะวัดผลอย่างไร” ตัวชี้วัดและเป้าหมายที่สามารถวัดผลได้ เพื่อสะท้อนความสำเร็จที่สอดคล้องกับ Aspiration

ตัวอย่างการทำ SOAR Analysis: ธุรกิจร้านกาแฟ

หากพูดถึงการวิเคราะห์องค์กร SWOT คืออีกหนึ่งเครื่องมือที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่หลายคนอาจสงสัยว่า SOAR และ SWOT ต่างกันอย่างไร? ในเมื่อทั้งคู่เป็นเครื่องมือวิเคราะห์องค์กรที่แบ่งออกเป็น 4 องค์ประกอบเหมือนกัน ความแตกต่างหลักคือ แนวทาง เป้าหมาย และจุดประสงค์ ของการวิเคราะห์

ความแตกต่างระหว่าง SOAR และ SWOT

การวิเคราะห์องค์กรคือการมองทั้งด้านบวกและด้านลบ ดังนั้นการใช้ SOAR ควบคู่กับ SWOT จะช่วยให้องค์กรมองเห็นภาพรวมชัดเจนขึ้น ทั้งการใช้จุดแข็งและโอกาสเพื่อบรรลุเป้าหมาย และการรับมือกับอุปสรรคอย่างทันเวลา

แนวทางการใช้ SWOT และ SOAR สำหรับธุรกิจและองค์กร 

1. เตรียมทีม: ให้ทีมเข้าใจองค์ประกอบ เป้าหมาย และแนวทางการใช้เครื่องมือทั้งสอง
2. กำหนดวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์: ตั้งวิสัยทัศน์และพันธกิจที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาว และสื่อสารกับทีมให้เข้าใจตรงกัน
3. ดำเนินการวิเคราะห์ SWOT: ศึกษาข้อมูลตลาด วิเคราะห์ปัจจัยภายใน (Strengths/Weaknesses) และภายนอก (Opportunities/Threats)
4. ดำเนินการวิเคราะห์ SOAR: นำผลจาก Strengths และ Opportunities มาใช้สร้างเป้าหมาย วิสัยทัศน์ และแนวทางติดตามผลที่วัดได้
5. จัดเรียงและเชื่อมโยงข้อมูล: ระบุว่าจุดแข็งสามารถช่วยจัดการอุปสรรคได้อย่างไร หรือโอกาสใหม่จะนำพาองค์กรไปถึงเป้าหมายได้อย่างไร
6. พัฒนาแผนเชิงกลยุทธ์: แปลงผลการวิเคราะห์เป็นแผนปฏิบัติที่นำไปใช้ได้จริง เพื่อให้แน่ใจว่าจุดแข็งและโอกาสถูกใช้ประโยชน์สูงสุด
7. ติดตามและปรับปรุง: ใช้ตัวชี้วัดจาก SOAR เพื่อติดตามความก้าวหน้า และอัปเดตกลยุทธ์เมื่อสภาพตลาดเปลี่ยนแปลง

SOAR Analysis คือเครื่องมือการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้องค์กร วิเคราะห์จุดแข็ง และต่อยอดไปสู่การสร้าง เป้าหมายองค์กร ที่ชัดเจน แตกต่างจาก SWOT ที่เน้นทั้งจุดอ่อนและความเสี่ยง SOAR มุ่งไปข้างหน้าโดยใช้ จุดแข็ง (Strengths) และ โอกาส (Opportunities) ร่วมกับ แรงบันดาลใจ (Aspirations) และ ผลลัพธ์ที่วัดได้ (Results) เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก

เมื่อองค์กรใช้ทั้ง SOAR และ SWOT ควบคู่กัน จะช่วยให้การวางแผนธุรกิจทำได้รอบด้านมากขึ้น ทั้งการตั้งรับความเสี่ยงและการขับเคลื่อนด้วยโอกาสและจุดแข็งที่มีอยู่ ผลลัพธ์ที่ได้คือกลยุทธ์ที่ ‘สมดุล มองอนาคต และปฏิบัติได้จริง’ ซึ่งไม่เพียงตอบโจทย์เป้าหมายระยะสั้น แต่ยังช่วยให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว