โอกาสและความท้าทายของ edtech จากวิกฤต Covid 19

September 16, 2020
Yui Jantanarak

ดูแล้วความยาวของวิกฤต COVID19 นี้ จะไม่ใช่แค่เวลา 1-2 เดือน หากแต่เราคงจะต้องตั้งรับและรับมือกับผลกระทบของวิกฤตและความยืดเยื้อนี้ไปอีก สิ่งที่ยากที่สุดคือไม่มีใครทราบว่าวิกฤตจะจบลงเมื่อไหร่ และสิ่งเหล่านี้ล้วนกระทบไม่ใช่แค่คนจนหรือคนที่เสียโอกาส แต่กระทบทุกคนแทบทุกสาขาอาชีพ เพราะนี่เป็นสถานการณ์ไม่ปกติ ไม่จบเร็ว และโลกจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะพฤติกรรมที่ถูกเปลี่ยนและถูกดิสรัปท์อย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างให้เห็นภาพคือ อนาคตใกล้ ๆ นี้ การเดินทางข้ามประเทศน่าจะยังลำบาก ทุกประเทศต่อไปอาจจะมีความเข้มงวดมากขึ้น ภาคธุรกิจก็ต้องปรับมาใช้การทำงานแบบ Work from home อย่างเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่ภาคการศึกษาเองก็ต้องแปลงสภาพตัวเองมาเป็น online กระทันหันเช่นเดียวกัน เมื่อมติ ครม. ประกาศเลื่อนเปิดเทอมไปจนถึงกรกฎาคม แต่ทุกวิกฤตย่อมมี ”โอกาส” เสมอ แล้วมีโอกาสอะไรบ้างที่น่าสนใจท่ามกลางวิกฤตนี้ 


เมื่อตลาดเปลี่ยน ย่อมเกิดตลาดใหม่ และความเป็นไปได้ใหม่ ๆ เมื่อทุกคนพร้อมใช้เทคโนโลยี

COVID 19 ทำให้ตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ผู้ประกอบการหรือ Startup ณ วันนี้ คงไม่สามารถโฟกัสเพียงแค่การแก้ปัญหาหรือรับมือสถานการณ์รายวันเท่านั้น แต่จำเป็นต้องคิดล่วงหน้าไปอีก 2-3 Step ล่วงหน้าไปอีก 6-12 เดือน คิดใหม่ คิดเร็วกว่าคนอื่น อย่างในช่วงนี้เองคนหลายล้านคนต้องทำงานที่บ้าน เรียนที่บ้าน สอนลูกที่บ้าน โดยธุรกิจที่เป็นทั้งโอกาสและความท้าทายที่น่าสนใจ คือ Edtech Startup เมื่อโรงเรียน และมหาวิทยาลัย ถูกบังคับเป็น 4.0 อัตโนมัติ ทุกโรงเรียนและมหาวิทยาลัยมีการสอน ออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะยังติดขัดอยู่บ้างในช่วงแรก เพราะคุณครูหลายท่านจะยังไม่คุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยี และอาจต้องใช้บริการเสริมอื่น ๆ จาก Edtech ดังนั้น หลาย Edtech จึงใช้เวลานี้ในการเร่งโต ยกตัวอย่างใน อินเดียและตะวันออกกลาง เหล่า Edtech Startup ต่างก็เสนอให้บริการฟรีแก่ผู้ใช้ เช่น Byju’s จากอินเดีย ที่มีมูลค่าสูงถึง 8 พันล้านเหรียญ ก็ได้ประกาศให้นักเรียนตั้งแต่เกรด 1-12 ในโรงเรียน สามารถดาวน์โหลด learning program ฟรี จนถึงสิ้นเดือนเมษายน ซึ่งนั่นทำให้ตัวเลขผู้ลงทะเบียนสูงขึ้นถึง 60% เพราะมาจากความต้องการที่สูงจากการที่ผู้ปกครองต้องทำ Home School ให้ลูกที่บ้าน โดยแอพนี้มีผู้ใช้งานถึง 42 ล้านคน หรืออีกหนึ่งสตาร์ทอัพคือ EduBrisk ที่เทรนคุณครูฟรี เพื่อทำ E-teaching ในการสร้าง virtual classrooms ผ่านแพลตฟอร์มของตัวเอง หรือ Classdojo ที่เป็น tools ในการสื่อสารระหว่าง ครู นักเรียนและผู้ปกครอง โดยให้บริการฟรีกว่า 180 ประเทศทั่วโลก และใช้วิธีเก็บเงินค่าบริการจากการสมัครโปรแกรมหลังเลิกเรียน 

https://byjus.com/


ตลาดผู้ปกครองเองก็สำคัญไม่แพ้กัน จากการที่ต้องกักตัว นักเรียนไม่สามารถออกไปโรงเรียนได้ ทำให้ผู้ปกครองต้องจัดการเรียนการสอนลูกร่วมกับคุณครูที่บ้าน  หากเป็นเด็กโตอาจจะง่ายในการให้เด็กนั่งเรียนออนไลน์ หากเป็นเด็กเล็ก ความท้าทายที่สำคัญคือ การที่คุณพ่อคุณแม่จะจัดการเรียนการสอนให้เป็นไปตามเป้า เพราะผู้ปกครองเองก็ต้องทำงานไปด้วย บางครั้งก็ไม่รู้จะสอนอย่างไร ชวนลูกทำไม่ถูก และไม่สามารถปล่อยให้เด็กเล็กเรียนออนไลน์เพียงลำพังได้แบบเด็กโต ต้องออกแบบการเรียนการสอนและกิจกรรมที่ต้องเสริมทักษะด้านต่าง ๆ ในแต่ละวันไปพร้อมกัน การเปลี่ยนแปลงนี้นำไปสู่โอกาสของ EdTech ในการพัฒนานวัตกรรมช่วยผู้ปกครองสอนลูก เสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวด้วยกิจกรรมที่สนุกและได้ความรู้ เช่น การเล่นเกมส์ การชมสื่อการ์ตูนเพื่อการศึกษา การทดลองวิทยาศาสตร์ที่บ้าน ซึ่งในต่างประเทศที่อินเตอร์เนตไม่ทั่วถึง ก็ใช้วิธีการ ทำเป็นชุดกิจกรรมส่งไปรษณีย์ให้พ่อแม่ เป็นต้น

ในขณะที่กลุ่มองค์กรหลายองค์กรหันมาให้ความสนใจกับ digital literacy และการการ reskill upskill บุคลากรมากขึ้น เดิมมีเพียงกลุ่มธุรกิจบางกลุ่มที่โฟกัสเรื่อง Digital Transformation แต่จากวิกฤตที่เกิดขึ้น ทำให้แม้กระทั้งองค์กรเก่าแก่แบบดั้งเดิมก็ต้องหันมาใช้เทคโนโลยีในการทำงาน รวมถึงการเทรนพนักงาน ซึ่งเดิมจะเน้นการจัดสอน จัดอบรม ก็เปลี่ยนมาเป็นรูปแบบออนไลน์มากขึ้น มีเครื่องมือออนไลน์ที่สามารถช่วยสร้าง engagement สื่อสารภายในองค์กรได้ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้จำนวนผู้ใช้ในตลาดการเรียนรู้สำหรับพนักงานองค์กรมีขนาดใหญ่ขึ้น

โดย Edtech จึงกลายเป็นอีกทางเลือกแบบอัตโนมัติให้กับคุณครูและผู้ปกครองรวมถึงภาคธุรกิจ ซึ่งการระบาดของ COVID 19 ครั้งนี้ ทำให้ทั่วโลกตระหนักถึงพลังของ online learning และ Edtech ซึ่งมันไม่ได้มีเพียงเพื่อไว้ใช้แค่ช่วงวิกฤตนี้ แต่หลังจากนี้จะมีการใช้แบบแพร่หลายมากขึ้นแบบก้าวกระโดด ทำให้เทคโนโลยีการศึกษามีความสำคัญมากมากขึ้นแบบทวีคูณ สามารถอ่านเรื่องเทรนด์การศึกษาแห่งอนาคต 10 ปีข้างหน้า เพิ่มเติมได้ ที่นี่


โอกาสสำคัญในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ทำอย่างไรให้เติบโตและแตกต่างในอนาคต

ไม่มีช่วงเวลาไหนเหมาะสมเท่านี้อีกแล้วในการ transform และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กับสังคมและประเทศไทย เพราะข้อดีของวิกฤตช่วงนี้คือ ไม่ว่าคุณจะคิดไอเดีย หรือนวัตกรรมอะไรก็ตาม หากมีประโยชน์ ทุกคนพร้อมยินดีต้อนรับและให้การสนับสนุน 

ตัวอย่างเทรนด์ที่สำคัญ ในการศึกษาปัจจุบันที่ นร. นศ. ทุกคนต้องเรียนออนไลน์ มีปัญหาอะไรบ้าง ที่เราสามารถเข้ามาแก้ปัญหาได้ เช่น คุณครู, อาจารย์หลาย ๆ ท่านที่ต้องออกแบบการสอนออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกแบบคอร์สเรียน, การวิเคราะห์ข้อมูลการเรียน, การวัดผล, การสื่อสารที่ครอบคลุมตั้งแต่โรงเรียน ครู อาจารย์ นักเรียน ผู้ปกครอง และการรายงานผลการเรียน เช่น ข้อมูลการเรียนส่งให้พ่อแม่ รวมไปถึงการพัฒนาการเรียนการสอนที่เป็นแบบ data-driven และ personalized มากขึ้น ทำให้คุณครูเห็นภาพรวมและสามารถออกแบบการสอนได้ถูกจุด รวมถึงผู้เรียนเอง ก็ทราบจุดอ่อนหรือจุดแข็งของตัวเอง เหมือนเป็น Netflix ของการศึกษา ที่แนะนำคอร์สตามความสนใจของผู้เรียน หรือแนะได้ว่าต้องเรียนอะไรเพิ่มเติม, ทำแบบฝึกหัดอะไรเพิ่ม หรือจะปรึกษาเพื่อนคนไหนดี ซึ่งเริ่มต้นเราอาจโฟกัสแค่หนึ่งปัญหาก่อน แล้วสร้าง Solution ที่แก้ปัญหาได้จริงแล้วครองตลาดนั้นไปเลย

อีกหนึ่งเทรนด์ที่สำคัญคือ การ reskill upskill รวมถึงการถ่ายโอนแรงงานในภาคเศรษฐกิจที่มีโอกาสและเป็นอนาคต อย่าง Technology เพราะตอนนี้มีความจำเป็นในการใช้เทคโนโลยีสูงขึ้นมาก และยังต้องการแรงงานอีกเป็นจำนวนมาก เช่น IT Support, Automation Specialist, Data Engineer, Developer เป็นต้น หรือกลุ่ม Health Care ที่ตอบโจทย์ทั้ง Aging Society และวิกฤตโรคระบาดที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่สำคัญคือ "การศึกษาที่นำไปใช้ได้จริง ไม่ใช่เพื่อสอบ" และการศึกษาที่มีการร่วมมือกันระหว่างผู้เล่นรายใหญ่หรือบริษัทชั้นนำ เพื่อสร้าง solution ในการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ทักษะการทำงานในอนาคต สิ่งเหล่านี้ถ้าสตาร์ทอัพสามารถเข้ามาแก้ปัญหาหรือตอบโจทย์ได้ ก็เรียกได้ว่ามีตลาดขนาดมหึมารองรับเลยทีเดียว


นักลงทุนมีแนวโน้มหันมาสนใจลงทุน EdTech กันมากขึ้น

มีเงินลงทุนและนักลงทุนหลายเจ้าที่ต้องการลงทุนใน Edtech Startup จากเทรนด์การศึกษาที่เปลี่ยนแปลงไปดังกล่าว ผนวกกับกระแส Digital Disruption ที่จะทำให้คนจำนวนมากต้องพัฒนาทักษะใหม่ ๆ reskill upskill เปลี่ยนสายงาน เป็นผลให้นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจกับ EdTech Startup มากขึ้น

นักลงทุนต่างมองหาทีมมีศักยภาพในการเข้ามาสร้างนวัตกรรมเพื่อการศึกษานี้ เข้าใจปัญหาที่ทำอย่างลึกซึ้ง Product/นวัตกรรมตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาได้จริง มีเทรนการเติบโตแบบก้าวกระโดด เป็นต้น โดยมีการคาดการณ์ว่าตลาดการศึกษาทั่วโลกจะมีขนาด 10 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ ($10 Trillion Dollar) ภายในปี 2030 และตลาดที่จะเติบโตมากที่สุดคือ ทวีปเอเชีย, แอฟริกา และลาตินอเมริกา ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีประชากรจำนวนมาก และมีการใช้ smartphone ในอัตราที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ  

เทรนด์เหล่านี้ได้ดึงดูดให้นักลงทุนกลุ่มใหม่ ๆ เริ่มหันมามอง EdTech มากยิ่งขึ้น ยิ่งการศึกษาเป็นรากฐานของสังคม หากนวัตกรรมดีจริง ช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาได้จริง ยิ่งมีผู้ใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ความเสี่ยงของเงินลงทุนต่ำกว่าอุตสาหกรรมอื่น เพราะมีฐานผู้ใช้ที่หนาแน่น ต่างจากอุตสาหกรรมอื่นที่ต้องแข่งขันทำการตลาดเพื่อดึงดูดผู้ใช้

ต้องบอกว่า วิกฤติใหม่แม้ลำบากแต่จะเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งตอนนี้ประเทศเรากำลังต้องการ ความคิดใหม่ โจทย์ใหม่ ไอเดียใหม่ เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ปัจจุบัน เราอยากใช้วิกฤตนี้ปรับเปลี่ยนอะไร และอยากให้อะไรที่เปลี่ยนไป มาร่วมกันสร้างสรรสิ่งเหล่านี้ร่วมกัน ซึ่งนอกจากจะเป็นโอกาสธุรกิจแล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือสังคมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การช่วยเหลือคุณครู, Tools สำหรับการเรียนรู้ร่วมกันทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง นักเรียน, การ Reskill Upskill เพื่อให้คนมีงานทำ หรือหากคุณอยากช่วยเหลือผู้ที่เข้าไม่ถึงโอกาสทางการศึกษา หรือ ผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ผ่านการพัฒนาการศึกษา ก็สามารถสมัครเข้ามาได้ในงาน Education Disruption Hackathon 2 เรามีเงินลงทุนที่จะช่วยต่อยอดนวัตกรรมของคุณให้เติบโตและออกไปสู่สังคมได้ โดยปีนี้เราเปิดรับสมัคร 2 track คือ

1. Social Impact Track 

สำหรับผู้ที่ต้องการการพัฒนาการศึกษาหรือการเรียนรู้ ที่เน้นช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และผู้เข้าไม่ถึงโอกาสทางการศึกษา กลุ่มนี้น่าสงสารมาก เพราะในภาวะปกติครอบครัวก็มีรายได้น้อยมากอยู่แล้ว (เพียง 3,000 บาท/เดือน) ทำให้มีแนวโน้มหลุดออกจากระบบการศึกษา เราเปิดรับทุกไอเดีย อาจเป็นโครงการ, Project, หรือนวัตกรรมใด ๆ ก็ได้ ที่สามารถสร้าง Impact ได้จริง

2. Scalable EdTech Startup Track 

สำหรับผู้ที่ต้องการทำ EdTech Startup ขับเคลื่อนการศึกษาด้วยเทคโนโลยี โดยมีผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง แทรคนี้สำหรับคนคิดใหญ่ มองไกล และอยากเติบโตแบบสตาร์ทอัพ

เข้าร่วมกลุ่ม Facebook Group Education Disruption พูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียหรือถามคำถามเพิ่มเติม ที่นี่

ติดตามข่าวสารความรู้ในวงการสตาร์ทอัพได้ทางเพจ Disrupt Technology Ventureและพบกันที่งาน Education Disruption Conference 2020: Reimagine Thailand’s Education 2030, Virtual Conference ที่จะพาทุกคนมาเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของการศึกษาไทยที่กำลังจะเกิดขึ้น ผ่าน Content สุด exclusive จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกมากมาย พร้อมทั้งฟังประสบการณ์ จาก EdTech Startups และ Social Entrepreneurs ที่ประสบความสำเร็จทั้งในไทยและต่างประเทศ ลงทะเบียนได้แล้ววันนี้ ที่นี่


Update ความรู้จาก Disrupt ได้ที่ช่องทาง