"จุดแข็งจุดอ่อน" กุญแจสำคัญเพิ่มโอกาส ลดอุปสรรคการเติบโต

May 12, 2025
Disrupt Team
จุดแข็งจุดอ่อน
จุดแข็งจุดอ่อน

“เธอชอบทำงานเป็นขั้นตอน แต่ผมชอบทำงานตามใจตัวเอง”

“เขาชอบพรีเซนต์งาน แต่เขาชอบหาข้อมูลไปทำรายงานมากกว่า”

“ฉันชอบอ่านประวัติศาสตร์ แต่เธอชอบอ่านเทรนด์ในอนาคต”

ทุกคนล้วนมีความแตกต่าง แล้วเราได้ชื่นชมความแตกต่างของกันและกันมากแค่ไหน?

ในโลกของการทำงานที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน การเรียนรู้และยอมรับจุดแข็งจุดอ่อนของคนแต่ละคนไม่เพียงช่วยให้การทำงานร่วมกันราบรื่นขึ้น แต่ยังเสริมสร้างทีมเวิร์ก เพิ่มความเชื่อใจ และสร้างผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

บทความนี้ Disrupt จะพาคุณมารู้จักกับความสำคัญของการเข้าใจจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเอง และเพื่อนร่วมทีม พร้อมเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าใจตัวเองและคนรอบข้างได้ดีขึ้นกว่าที่เคย

Highlight

  • CliftonStrengths คือเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าใจจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเองและทีม ได้อย่างลึกซึ้งและแม่นยำ
  • เมื่อทีมรู้จักจุดแข็งของกันและกัน จะเกิด Alignment ที่ดีขึ้น ทำให้การสื่อสารง่ายขึ้น ทำงานเร็วขึ้น รวมถึงช่วยให้แต่ละคนได้ทำในสิ่งที่ถนัดและเหมาะสมกับตัวเอง
  • องค์กรที่ใช้ CliftonStrengths อย่างต่อเนื่องจะช่วยดึงศักยภาพของพนักงานออกมาได้ดี และสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่แข็งแรงได้

ประโยชน์ของการวิเคราะห์จุดแข็งในองค์กร

การรู้จักจุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง เป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาศักยภาพทั้งของบุคคลและองค์กร เพราะจะช่วยให้สามารถวางแผน ตัดสินใจ และดำเนินงานได้อย่างแม่นยำอย่างมีประสิทธิภาพ

5 ประโยชน์ของการวิเคราะห์จุดแข็งในองค์กร

  1. เข้าใจศักยภาพของเพื่อนร่วมทีมแต่ละคน : การวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของตัวเองและทีมจะทำให้รู้ว่าแต่ละคนถนัดอะไร เพื่อที่จะได้วางแผนการแจกจ่ายงานได้อย่างเหมาะสม
  2. วางแผนกลยุทธ์ได้แม่นยำขึ้น : การรู้ความถนัดของเพื่อนร่วมทีมจากจุดแข็งจุดอ่อนในการทำงาน จะทำให้กำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละคนได้ดี
  3. พัฒนาทักษะและประสิทธิภาพทีม : หากรู้จุดอ่อนจุดแข็งในการทำงาน จะทำให้รู้จุดที่ควรปรับปรุงให้ดีขึ้น และพัฒนาจุดแข็งให้กลายเป็น Hard Skills พร้อมกับพัฒนา Soft Skills ที่จำเป็นได้ไปพร้อม ๆ กัน
  4. เสริมสร้างการสื่อสารและบรรยากาศการทำงานร่วมกันที่ดี : การเข้าใจ จุดอ่อนจุดแข็งของคนจะช่วยให้เกิดความเข้าอกเข้าใจกันภายในทีม ซึ่ง Empathy คือ สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้บรรยากาศการทำงานร่วมกันเป็นไปในทางบวก ทำให้คนในทีมผ่อนคลายในการทำงาน รวมถึงกล้าที่จะขอคำปรึกษา หรือแสดงความคิดเห็นของตัวเอง เพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพสูงสุด

เครื่องมือวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนที่องค์กรนิยมใช้

ในปัจจุบันมีเครื่องมือมากมายที่ใช้ในการวัดจุดแข็งหรือบุคลิกภาพ เช่น DISC หรือ MBTI ซึ่งเป็นแบบทดสอบจิตวิทยาชื่อดังและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ละองค์กรจึงมักนำมาใช้เพื่อปรับแนวทางการทำงานของแต่ละคนให้เหมาะสม รวมถึงทำให้พนักงานแต่ละคนเข้าใจตัวเองมากขึ้น เพื่อนำไปสู่การสื่อสารกับคนที่มีบุคลิกภาพหรืออุปนิสัยที่แตกต่าง และใช้ในการบริหารทีมที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย

ตัวอย่างเครื่องมือในการวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนที่นิยมในองค์กร 

MBTI (Myers-Briggs Type Indicator)

MBTI คือ แบบทดสอบบุคลิกภาพที่แบ่งคนเป็น 16 ประเภท เช่น I/E, S/N, T/F, J/P ใช้สำหรับทำความการเข้าใจบุคลิกและความสามารถในการปรับตัว (Adaptability) ของคนในทีม

DISC Assessment

DISC คือโมเดลทางจิตวิทยาที่แบ่งพฤติกรรมออกเป็น D, I, S, C ช่วยให้ทีมเข้าใจรูปแบบการสื่อสารและพฤติกรรมของกันและกัน

SWOT Analysis 

SWOT คือ เครื่องมือประเมินทั้งองค์กรและบุคคลในด้าน จุดแข็ง (Strengths), จุดอ่อน (Weaknesses), โอกาส (Opportunities), อุปสรรคและความเสี่ยง (Threats) เพื่อวางแผนพัฒนาสกิลและทิศทางองค์กรอย่างตรงจุด 

CliftonStrengths (Gallup CliftonStrengths)

CliftonStrengths คือหนึ่งในเครื่องมือที่องค์กรชั้นนำทั่วโลกใช้วิเคราะห์ศักยภาพบุคคลและทีมอย่างแม่นยำ โดย CliftonStrengths จะประเมินจุดแข็งจุดอ่อนของคน ถึง 34 ด้าน พร้อมรายงานเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้ในการบริหารทีมจริงได้

Clifton Strengths แบบทดสอบจุดอ่อนจุดแข็งที่เป็นที่นิยมในระดับสากล

แบบทดสอบ “CliftonStrengths” เป็นหนึ่งในแบบทดสอบที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในระดับสากล โดยมีผู้ทำแบบทดสอบประเมินมากกว่า 30 ล้านคน และมีผลรองรับจากการวิจัย ว่าเป็นแบบทดสอบที่ให้ผลลัพธ์แม่นยำ ส่งผลให้เป็นประโยชน์ต่อการบริหารงานซึ่งจำเป็นต้องมีความละเอียดทั้งในด้านการทำงานและทรัพยากร 

CliftonStrengths สามารถวัดจุดแข็งได้ถึง 34 ข้อ พร้อมด้วย Report ที่จะทำให้คุณเข้าใจทีมและบริหารงานโดยคำนึงถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของพนักงานแต่ละบุคคลได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

การใช้ CliftonStrengths ดีต่อองค์กรอย่างไร?

การเรียนรู้จุดแข็งจุดอ่อนของตัวเองจะช่วยให้เราจัดการตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้ว่าควรใช้ความสามารถไปกับตรงไหน และหลีกเลี่ยงงานที่ไม่ถนัดได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้รู้ว่าควรปรับปรุงตนเองอย่างไรให้สามารถทำงานที่ไม่ถนัดให้ออกมาดีขึ้น 

เมื่อทีมเข้าใจจุดแข็งของกันและกัน ก็จะเกิด Alignment ในการทำงาน ส่งผลให้มีความร่วมมือในการทำงาน และสร้างความไว้วางใจในการมอบหมายหน้าที่การทำงานได้มากยิ่งขึ้น

โดย CliftonStrengths มีประโยชน์ต่อคนและองค์กรดังนี้ 

  • ใช้เรียนรู้จุดแข็งและจุดอ่อนได้แตกต่างจากแบบทดสอบอื่น ๆ ได้ชัดเจน เพราะมีโอกาสเพียง 1 ใน 33 ล้านคนเท่านั้นที่จะได้ผลทดสอบเหมือนกับคุณ
  • หากทราบจุดแข็งจุดอ่อนในการทำงาน จะทำให้มีความสุขในการทำงาน และดำเนินงานได้อย่างมีคุณภาพ
  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึง 18%
  • ช่วยให้เกิดการทำงานเป็นทีม และสร้างบรรยากาศที่ดีระหว่างพนักงานได้ถึง 7.8%

ตัวอย่างผลวิเคราะห์ CliftonStrengths 

แบบทดสอบ CliftonStrengths จะมุ่งเน้นถึง ‘จุดแข็ง’ ภายในตัวคุณ โดยจะแสดงจุดแข็งถึง 34 แบบ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มได้ ดังนี้

  • Executing หรือ นักปฏิบัติ : กลุ่ม Executing นั้นสามารถทำงานหนักหรืองานยาก ๆ ให้สำเร็จได้เสมอ ไม่ว่าจะมีความซับซ้อนแค่ไหน
  • Relationship Building หรือ นักสร้างความสัมพันธ์ : กลุ่ม Relationship Building จะคอยเป็นกาวประสานให้คนในทีมหรือคนรอบตัวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพราะเป็นกลุ่มคนให้ความสนใจเรื่องอารมณ์และความสัมพันธ์ของคนรอบตัวเสมอ
  • Strategic Thinking หรือ นักวิเคราะห์ : กลุ่ม Strategic Thinking จะเป็นกลุ่มที่ถนัดในการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เช่น วิเคราะห์ตัวเลข ทฤษฎี กลยุทธ์ ความคิด และข้อเท็จจริง พวกเขาสามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาใช้ในการตัดสินใจได้อย่างดีเยี่ยม
  • Influencing หรือ นักจูงใจ : “ช่างพูดและช่างเจรจา” จะเป็นคำที่แสดงถึงตัวตนของคนกลุ่ม Influencing ได้ดีที่สุด เพราะคนกลุ่มนี้จะมีวาทศิลป์ในการพูด รู้ว่าควรโน้มน้าวผู้คนอย่างไร รวมถึงคอยรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และมีทักษะการเจรจาต่อรองที่ดีเยี่ยม
จุดแข็งจุดอ่อนในการทำงาน

พัฒนาจุดแข็งจุดอ่อน สร้างการเติบโตในองค์กรอย่างยั่งยืน

มนุษย์แต่ละคนมีพื้นฐาน ความคิด และประสบการณ์ที่ต่างกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีความถนัดที่แตกต่างกัน

จึงมีสิ่งสำคัญที่จะทำให้เหล่าคนที่มีความแตกต่างกันสามารถอยู่ด้วยกันได้ นั่นคือการ “รู้จักตัวเอง” อย่างแท้จริง รู้ว่าสิ่งที่ถนัดอะไร อะไรเป็นจุดอ่อนของตัวเอง และจะนำจุดอ่อนเหล่านั้นไปพัฒนาอย่างไร เมื่อคุณรู้จักตัวเองและทีม คุณก็จะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีศักยภาพ พร้อมเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

Disrupt ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งให้คุณเติบโตอย่างพุ่งทะยานผ่านการเรียนรู้จุดแข็งและจุดอ่อนในฉบับ CliftonStrengths ด้วยหลักสูตร Talents Unlock, Manager of The Future และ Corporate Success โดยแต่ละหลักสูตร มีรายละเอียดดังนี้

หลักสูตร Talents Unlock

รายละเอียดหลักสูตร

Talents Unlock คือหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ ผู้นำองค์กรเข้าใจและใช้จุดแข็งของทีมให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่าน Gallup CliftonStrengths แบบประเมินจุดแข็งระดับสากลที่องค์กรชั้นนำใช้เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทีมงาน

สิ่งที่คุณจะได้รับ

  • ค้นหาจุดแข็งของตัวเองโดยใช้ Gallup Cliftonstrength แบบทดสอบวัดจุดแข็งซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในระดับสากล
  • เรียนรู้แนวทางพัฒนาตัวเองและทีมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ค้นหาเส้นทางการเติบโตในหน้าที่การงานที่เหมาะกับคุณ
หลักสูตร Manager of The Future

หลักสูตร Manager of The Future 

รายละเอียดหลักสูตร

Manager of the Future ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ตำแหน่งผู้จัดการ หรือ Managers ได้ Upskill & Reskill ที่มีความสำคัญสำหรับยุค AI Disruption โดยหลักสูตรครอบคลุมทั้งด้าน People Management บริหารคน บริหารทีม และ Business Acumen เพื่อให้เข้าใจเทรนด์ที่มีผลกระทบต่อธุรกิจ และสร้างกลยุทธ์ธุรกิจที่ตอบโจทย์

สิ่งที่คุณจะได้รับ

  •  ได้เรียนรู้ทักษะความสามารถด้าน Business และ Team Management 

  • เรียนรู้และพัฒนาทักษะการเป็นผู้นำ รวมถึงเข้าใจบทบาทหน้าที่ที่สำคัญของผู้จัดการ

  • เคล็ดลับที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในการบริหารหน่วยงานภายใต้ความกดดันและขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบ
Corporate Success : หลักสูตร In-house Training 

Corporate Success : หลักสูตร In-house Training 

หลักสูตรสำหรับองค์กรที่ออกแบบเฉพาะตามบริบทของแต่ละบริษัท โดยใช้การพัฒนาจากแบบทดสอบ CliftonStrengths ครบทั้ง 34 จุดแข็ง สู่การสร้างวัฒนธรรมองค์กร และแนวทางการบริหารทีมให้มีประสิทธิภาพด้วยการใช้ประโยชน์จากจุดแข็งอย่างเป็นระบบ

สนใจติดต่อ - สอบถามได้ที่ 

Update ความรู้จาก Disrupt ได้ที่ช่องทาง