Value Chain คืออะไร? วิเคราะห์อย่างไรให้เพิ่มกำไรธุรกิจ

ในยุคที่การแข่งขันสูงและลูกค้าต้องการคุณค่ามากกว่าราคาเพียงอย่างเดียว การเข้าใจว่า Value Chain คือ อะไรกลายเป็นเครื่องมือที่ทุกธุรกิจจำเป็นต้องมี ไม่ใช่แค่ “รู้” แต่ต้อง “วิเคราะห์” ให้เป็น เพราะ ห่วงโซ่คุณค่า คือพื้นฐานของการสร้างกำไร ลดต้นทุน และเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างมีระบบ
Value Chain คืออะไร? คำตอบคือกระบวนการทั้งหมดที่ทำให้ “สินค้าหรือบริการ” เกิดคุณค่ามากขึ้น ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ซึ่งถ้าองค์กรเข้าใจ Value Chain อย่างถูกต้อง ก็จะรู้ว่าควรโฟกัสตรงไหน ลงทุนอะไร และปรับปรุงจุดใดเพื่อต่อยอดธุรกิจในอนาคตได้อย่างแม่นยำ
Highlight
- Value Chain คือ กระบวนการสร้างคุณค่าให้สินค้าและบริการ ตั้งแต่รับวัตถุดิบจนถึงส่งถึงมือลูกค้า
- การทำ Value Chain Analysis คือ การค้นหากิจกรรมที่เพิ่มมูลค่า และกิจกรรมที่ควรลดต้นทุนเพื่อเพิ่มกำไร
- Value Chain ช่วยให้องค์กรเข้าใจ ต้นทุน–คุณค่า–ข้อได้เปรียบในการแข่งขัน อย่างชัดเจน

Value Chain คือแนวคิดเชิงกลยุทธ์ที่พัฒนาโดย Michael E. Porter นักกลยุทธ์ชื่อดังระดับโลก เพื่ออธิบายว่า ทุกกิจกรรมภายในองค์กรสามารถสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าได้ หากได้รับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ในอีกความหมายหนึ่ง Value Chain แปลว่า “ห่วงโซ่ของกิจกรรม” ที่เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การจัดจำหน่าย การตลาด ไปจนถึงการให้บริการหลังการขาย โดยแต่ละขั้นตอนล้วนมีบทบาทต่อคุณค่าและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ
ทำไมต้องเข้าใจ Value Chain?
เพราะทุกกิจกรรมใน Value Chain มีทั้งต้นทุน และศักยภาพในการเพิ่มมูลค่า ที่แตกต่างกัน การวิเคราะห์ Value Chain จึงช่วยให้องค์กรสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า
- ขั้นตอนไหนควรลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างความได้เปรียบ
- จุดใดสามารถลดต้นทุนโดยไม่กระทบคุณค่าที่ลูกค้าได้รับ
- ควรปรับกลยุทธ์ส่วนใดเพื่อเพิ่มกำไรอย่างยั่งยืน
เมื่อเข้าใจ Value Chain อย่างลึกซึ้ง องค์กรจะสามารถวางกลยุทธ์ได้แม่นยำขึ้น และบริหารทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระยะยาว
การทำ Value Chain analysis คือ วิธีค้นหาว่า “ขั้นตอนไหนเพิ่มมูลค่า” และ “ขั้นตอนไหนทำให้ธุรกิจสูญเสียต้นทุนโดยไม่จำเป็น” ซึ่งสำคัญมากในยุคที่การแข่งขันสูงและลูกค้าต้องการมากกว่าแค่สินค้า แต่ต้องการประสบการณ์ (Customer Experience)
ทำไมองค์กรต้องทำ Value Chain Analysis?
- เพื่อเห็นภาพรวมกิจกรรมหลักและกิจกรรมสนับสนุน
- เพื่อค้นหาปัญหาคอขวด (Bottleneck)
- เพื่อวิเคราะห์ความคุ้มค่าของต้นทุน
- เพื่อกำหนดกลยุทธ์การแข่งขันอย่างแม่นยำ
- เพื่อเชื่อมโยงกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น เช่น Five Forces Model
ก่อนวิเคราะห์ Value Chain องค์กรบางแห่งอาจมีการทำ SWOT เพื่อเห็นภาพรวมจุดแข็ง–จุดอ่อน ก่อนลงลึกในห่วงโซ่กิจกรรมของธุรกิจ

องค์ประกอบของ Value Chain ประกอบด้วย 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
- กิจกรรมหลัก (Primary Activities)
- กิจกรรมสนับสนุน (Support Activities)
ซึ่งสองส่วนนี้รวมกันเป็นระบบที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ “เกิดคุณค่า” จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ
กิจกรรมหลัก (Primary Activities)
- Inbound Logistics – การรับวัตถุดิบ การขนส่งเข้า คลังสินค้า
- Operations – การผลิต แปรรูป ประกอบสินค้า
- Outbound Logistics – การจัดเก็บสินค้าสำเร็จรูป การส่งออก
- Marketing & Sales – ทำการตลาด สร้างยอดขาย
- Service – บริการหลังการขาย เพิ่มความพึงพอใจระยะยาว
กิจกรรมสนับสนุน (Support Activities)
- Procurement – การจัดซื้อวัตถุดิบและบริการ
- Technology Development – ระบบ IT, นวัตกรรม, R&D
- Human Resource Management – การบริหารบุคคล (HRM)
- Firm Infrastructure – โครงสร้างองค์กร การเงิน บัญชี แผนกลยุทธ์
ก่อนเริ่มวิเคราะห์ Value Chain องค์กรควรทำความเข้าใจโครงสร้างธุรกิจ ภาพรวมกระบวนการทำงาน และต้นทุนในแต่ละกิจกรรมอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถมองเห็นจุดที่สร้างคุณค่าและจุดที่ควรปรับปรุงได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้
เข้าใจกิจกรรมหลักของธุรกิจให้ชัดเจน
เริ่มจากการรวบรวมข้อมูลของกระบวนการหลักตั้งแต่การรับวัตถุดิบ การผลิต การจัดจำหน่าย ไปจนถึงการส่งมอบสินค้าและบริการ เพื่อวิเคราะห์ว่าขั้นตอนไหนเป็นตัวสร้างคุณค่าให้กับลูกค้ามากที่สุด
ประเมินกิจกรรมสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง
พิจารณาบทบาทของกิจกรรมสนับสนุน เช่น ทรัพยากรบุคคล (HR) การจัดซื้อ ระบบเทคโนโลยี หรือโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร ว่าสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน หรือเสริมความแข็งแกร่งให้กับกิจกรรมหลักได้มากน้อยเพียงใด
หาจุดที่เพิ่มคุณค่าให้สินค้าหรือบริการได้
วิเคราะห์โอกาสในการสร้างความแตกต่าง เช่น การพัฒนาคุณภาพสินค้า การยกระดับบริการหลังการขาย หรือการปรับปรุงระบบการทำงานให้รวดเร็วและตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น
หาวิธีลดต้นทุนและทำงานให้มีประสิทธิภาพขึ้น
ระบุขั้นตอนที่มีต้นทุนสูงหรือซ้ำซ้อน และมองหาแนวทางปรับปรุง เช่น การนำ Business Model Canvas มาใช้เพื่อเห็นภาพรวมของธุรกิจ หรือใช้ TOWS Matrix เป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
เมื่อเข้าใจว่า Value Chain คือหัวใจของการสร้างคุณค่า คุณจะเห็นได้ว่ากำไรไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์จากการวิเคราะห์กระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ และการตัดสินใจในจุดที่สำคัญจริง ๆ ของธุรกิจ การมอง Value Chain อย่างถูกต้อง ช่วยให้องค์กรและผู้บริหารสามารถตอบคำถามเชิงกลยุทธ์ได้อย่างชัดเจนว่า
- ควรเพิ่มประสิทธิภาพในขั้นตอนใด
- จุดไหนสามารถลดต้นทุนโดยไม่กระทบคุณค่า
- จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างไรในระยะยาว
เพื่อให้แนวคิด Value Chain ถูกนำไปใช้ได้จริงในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ผู้บริหารจำเป็นต้องมีความเข้าใจทั้งกลยุทธ์ เทคโนโลยี และข้อมูลเชิงลึก ซึ่ง Disrupt ได้ออกแบบหลักสูตรผู้บริหารที่ครอบคลุมองค์ความรู้สำคัญ ได้แก่
- Business Strategy
- Digital Transformation
- Data for Management
- Machine Learning สำหรับผู้นำยุคใหม่
หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจที่ต้องการอัปสกิลการคิดเชิงกลยุทธ์ พร้อมยกระดับองค์กรให้พร้อมรับความท้าทายของโลกธุรกิจยุคใหม่อย่างยั่งยืน
ธุรกิจรูปแบบใดบ้างที่ควรวิเคราะห์ Value Chain?
ทุกธุรกิจควรวิเคราะห์ Value Chain ไม่ว่าจะเป็นผลิตสินค้า บริการ หรือออนไลน์ เพราะช่วยมองเห็นภาพรวมของต้นทุนและคุณค่าอย่างเป็นระบบ
Value Chain ใช้ได้กับธุรกิจขนาดเล็กหรือไม่?
ได้แน่นอน แม้ธุรกิจเล็ก การเข้าใจ Value Chain จะช่วยรู้ว่าควรโฟกัสตรงไหนเพื่อเพิ่มกำไรมากที่สุด
วิเคราะห์ Value Chain ควรทำบ่อยแค่ไหน?
แนะนำให้ทำอย่างน้อยปีละ 1–2 ครั้ง หรือเมื่อโมเดลธุรกิจเปลี่ยน เช่น เปิดไลน์สินค้าใหม่ เปลี่ยนซัพพลายเออร์ หรือขยายตลาด
