Employee Experience ที่ดี ยกระดับคุณภาพงานและองค์กร

ในยุคที่การแข่งขันในตลาดแรงงานเข้มข้นขึ้นทุกวัน การสร้าง Employee Experience หรือประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงานได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่องค์กรไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ Employee Experience ตั้งแต่ความหมาย ความสำคัญ ไปจนถึงวิธีพัฒนาเพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืนขององค์กร
Employee Experience คือภาพสะท้อนของทุกจุดสัมผัส (Touchpoint) ระหว่างพนักงานกับองค์กร ซึ่งรวมถึงการสัมผัสตั้งแต่ขั้นตอนการรับสมัครงาน การอบรมพนักงาน และการทำงานร่วมกัน โดยสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อความรู้สึกของพนักงานที่มีต่อองค์กรโดยตรง องค์กรที่ประสบความสำเร็จมักมี Employee Experience ที่แข็งแกร่งและสอดคล้องกับเป้าหมายของธุรกิจ
Highlight
- Employee Experience หมายถึงประสบการณ์โดยรวมของพนักงานในองค์กรตั้งแต่การสมัครงานจนถึงการลาออก
- มีความสำคัญต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ความสุขของพนักงาน และความสำเร็จองค์กร
- องค์ประกอบสำคัญของ Employee Experience ได้แก่ วัฒนธรรมองค์กร เทคโนโลยี และสภาพแวดล้อมการทำงาน
- การพัฒนา Employee Experience ต้องเริ่มจากการรับฟังพนักงาน ใช้เทคโนโลยี และสร้างวัฒนธรรมที่สนับสนุน
- ตัวอย่างที่ดีของการสร้าง Employee Experience เช่น การจัดโปรแกรม Onboarding ที่น่าประทับใจ และการให้สวัสดิการที่ตอบโจทย์
- การสร้าง Employee Experience ที่ดีช่วยให้องค์กรดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีคุณภาพได้อย่างยั่งยืน

Employee Experience หมายถึงประสบการณ์ทำงานโดยรวมของพนักงานในระหว่างการทำงานในองค์กร ตั้งแต่กระบวนการสรรหา การทำงานในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงการลาออก ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านความรู้สึก การปฏิสัมพันธ์ และการรับรู้ของพนักงานที่มีต่อองค์กร
สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาคือ Employee Experience ไม่ได้หมายถึงแค่สวัสดิการที่องค์กรมอบให้พนักงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างความรู้สึกว่าพนักงานมีคุณค่าและได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ องค์กรที่สามารถสร้าง Employee Journey ที่ดีได้ จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ ช่วยเพิ่มความผูกพันระหว่างพนักงานและองค์กร และลดการเกิด Quiet Quitting ได้อีกด้วย
Employee Experience ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของความพึงพอใจของพนักงาน แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์ทางธุรกิจ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดอัตราการลาออก หรือสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดแรงงาน ยิ่งไปกว่านั้น การสร้างประสบการณ์ที่ดีจะช่วยให้องค์กรดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีคุณภาพไว้ได้ในระยะยาว
พนักงานที่มีประสบการณ์ที่ดีในองค์กรจะมีแนวโน้มที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกในทีมงาน เช่น การสร้างทีมเวิร์คหรือเพิ่มความร่วมมือระหว่างเพื่อนร่วมงาน ลดความขัดแย้ง หรือสนับสนุนให้ทีมงานบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น Employee Experience ที่ดีจะช่วยเพิ่มความพึงพอใจและความทุ่มเทของพนักงาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานและการเติบโตขององค์กรในภาพรวม ดังนั้น การพัฒนา Employee Experience จึงถือเป็นการลงทุนที่สำคัญที่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง

องค์ประกอบหลักของการสร้าง Employee Experience ที่นิยมและพูดถึงเป็นแนวคิดจาก Jacob Morgan ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการทำงานยุคใหม่ เช่น The Future of Work หรือ The Future Leader ทำให้เขาได้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงของการทำงานที่เปลี่ยนไป และได้คิดส่วนผสมในการสร้าง Employee Experience ที่ดีว่าควรประกอบไปด้วยองค์ประกอบ 3 อย่างดังนี้
วัฒนธรรมองค์กร (Organizational Culture):
วัฒนธรรมที่ส่งเสริมความโปร่งใส การสนับสนุน และการยอมรับความหลากหลาย รวมถึงการสร้างบรรยากาศที่พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
สภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยี (Technology):
เครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น ซอฟต์แวร์ HR หรือแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกัน โดยต้องเน้นความง่ายต่อการใช้งานและตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของพนักงาน
สภาพแวดล้อมในพื้นที่ทำงาน (Physical & Digital Workspace):
สถานที่ทำงานที่สะดวกสบาย เช่น โต๊ะทำงานที่เหมาะสม แสงไฟที่เพียงพอ รวมถึงการสร้างพื้นที่ดิจิทัลที่ช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำให้ทั้งสามองค์ประกอบนี้ทำงานร่วมกันอย่างสมดุล คือสิ่งที่จะสร้าง Employee Experience ที่ยอดเยี่ยมและช่วยให้องค์กรสร้างความได้เปรียบในตลาดได้อย่างยั่งยืน องค์กรที่ให้ความสำคัญในจุดนี้จะสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยาวนานต่อทั้งพนักงาน และตัวธุรกิจเอง

ในการสร้าง Employee Experience ที่ดีและยั่งยืนต้องการการสนับสนุนเป็นอย่างมากจากทั้งทีม HR (Human Resource) และองค์กร เพื่อที่จะสร้างและสนับสนุนสิ่งต่าง ๆ ที่ส่งผลดีต่อการพัฒนา Employee Experience
1. อุปกรณ์การทำงานครบครันและทันสมัย
มอบอุปกรณ์การทำงานที่ทันสมัยและเหมาะสม เช่น คอมพิวเตอร์ สถานีงาน หรือซอฟต์แวร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ
2. สภาพแวดล้อมที่ดีและสร้างแรงบันดาลใจ
พื้นที่ทำงานที่สะดวกสบายและสอดคล้องกับความต้องการ เช่น แสงไฟธรรมชาติ การจัดวางโต๊ะทำงานที่เหมาะสม หรือมุมพักผ่อน
3. สนับสนุนการเรียนรู้และเพิ่มพูนทักษะใหม่ ๆ
จัดโปรแกรมฝึกอบรมทักษะใหม่ ๆ หรือการพัฒนาศักยภาพ เพื่อช่วยให้พนักงานก้าวหน้าในสายงานและเติบโตไปพร้อมองค์กร
4. ปรับตัวให้พร้อมรับกับการทำงานในยุค New Normal
สนับสนุนการทำงานที่ยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) หรือ Hybrid Workplace และเตรียมทรัพยากรที่ช่วยให้พนักงานปรับตัวได้อย่างราบรื่น
5. สร้างความผูกพันและการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
ส่งเสริมความรู้สึกว่าพนักงานมีบทบาทสำคัญในองค์กรผ่านกิจกรรมทีม เช่น Ice Breaking หรือการเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ
6. มอบสวัสดิการที่ใส่ใจพนักงาน
เสนอสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์อย่างประกันสุขภาพ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และการสนับสนุนด้านสุขภาพจิต
- Google: Google ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในองค์กรที่มี Employee Experience เป็นระบบและดีกับพนักงาน ด้วยสภาพแวดล้อมการทำงานที่สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ เช่น การจัดพื้นที่ทำงานที่หลากหลาย การให้บริการอาหารฟรี รวมถึงกิจกรรมเพื่อความผ่อนคลาย เช่น ห้องเกมและห้องนวด
- Netflix: Netflix มีชื่อเสียงในเรื่องการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นความยืดหยุ่นและความรับผิดชอบ โดยเปิดโอกาสให้พนักงานจัดการเวลาและวันลาหยุดได้เองตามความเหมาะสม พร้อมทั้งสนับสนุนการสื่อสารที่เปิดกว้างในบริษัท
- Airbnb: Airbnb เน้นการสร้างความรู้สึกของการ "Belonging" หรือการเป็นส่วนหนึ่งในองค์กร โดยมีโปรแกรมที่ให้พนักงานมีส่วนร่วมในกิจกรรมชุมชน เช่น การทำงานอาสาสมัคร รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความหลากหลายและการยอมรับความแตกต่าง
หลายคนอาจสับสนระหว่าง Employee Experience และ Employee Engagement เพราะทั้งสองแนวคิดต่างมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานและองค์กร แต่ในเชิงลึก ทั้งสองนั้นมีความแตกต่างที่สำคัญดังนี้
- Employee Experience หมายถึง การเดินทางของพนักงานในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสรรหา การเข้าร่วมงาน การพัฒนาทักษะ ไปจนถึงวันสุดท้ายที่ออกจากองค์กร โดยมุ่งเน้นที่การสร้างประสบการณ์ที่ดีในทุกจุดสัมผัสของพนักงานกับองค์กร องค์กรที่มี Employee Experience ที่ดีมักให้ความสำคัญกับปัจจัยทั้งด้านวัฒนธรรม เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมการทำงาน
- Employee Engagement คือ ความรู้สึกของพนักงานที่มีต่อองค์กร ไม่ว่าจะเป็นความผูกพัน ความพึงพอใจ และความตั้งใจในการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายของบริษัท การสร้าง Engagement ต้องอาศัยการสร้างแรงจูงใจ การยอมรับในผลงาน และความสัมพันธ์ที่ดีกับทีมและหัวหน้างาน
ความแตกต่างที่สำคัญคือ
- Employee Experience เป็นเรื่องของระบบหรือโครงสร้างที่องค์กรวางไว้ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงาน
- Employee Engagement เป็นเรื่องของความรู้สึกและการมีส่วนร่วมของพนักงานต่อเป้าหมายและวัฒนธรรมองค์กร
Employee Experience เป็นมากกว่าแค่เรื่องการสร้างความสุขให้พนักงาน แต่คือหัวใจสำคัญของความสำเร็จในระยะยาวขององค์กร เมื่อพนักงานได้รับประสบการณ์ที่ดี พวกเขาจะมีความสุข รู้สึกมีคุณค่า และมีแรงจูงใจในการทำงาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของงาน ความคิดสร้างสรรค์ และความสำเร็จขององค์กร
ในยุคที่ตลาดแรงงานแข่งขันกันอย่างดุเดือด การลงทุนใน Employee Experience ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลือก แต่เป็น กลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้ องค์กรที่มองการณ์ไกลและใส่ใจในประสบการณ์ของพนักงานจะสามารถดึงดูดและรักษาคนเก่งไว้ได้ พร้อมทั้งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
ที่ Disrupt Technology Venture เองก็มีหลักสูตรที่สอนเจาะลึกการวางแผน Employee Experience เพื่อมัดใจพนักงานไม่ว่าจะเป็น Disrupt Corporate Program หรือ หลักสูตร HR of The Future