MarTech (Marketing Technology) คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร

May 13, 2024
MarTech

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจ องค์กรต่าง ๆ ล้วนต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในแง่ของการตลาดที่มีการแข่งขันสูง การนำข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มาวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจผู้บริโภคและตลาดให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

และเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จาก Big Data ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็คือ MarTech หรือ Marketing Technology นั่นเอง

Highlight 

MarTech คือการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการทางการตลาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจ

  • เครื่องมือ MarTech แบ่งเป็น 6 ประเภทหลัก ได้แก่ Advertising, Content, Social, Commerce, Data และ Management
  • ประโยชน์ของ MarTech ได้แก่ การวางแผนและดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึกด้วย AI/Machine Learning การสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น การลดต้นทุน และการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
  • ข้อควรพิจารณาในการลงทุน MarTech ได้แก่ ต้นทุนที่สูง ความยากในการใช้งาน ความครอบคลุมและปลอดภัยของข้อมูล และการยอมรับจากลูกค้า
  • ตัวอย่างเครื่องมือ MarTech ยอดนิยม เช่น Google Ads, TikTok Shop, Hootsuite, Asana เป็นต้น
  • การเลือกใช้ MarTech ให้เหมาะสมกับเป้าหมายและทรัพยากรของธุรกิจ รวมถึงการปรับกระบวนการทำงานและพัฒนาทักษะของทีมงาน จะช่วยให้ได้ประโยชน์จาก MarTech อย่างเต็มประสิทธิภาพ

MarTech (Marketing Technology) คือ

MarTech หรือ Marketing Technology คือการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้ในกระบวนการทางการตลาด ตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูล การวางแผนกลยุทธ์ การดำเนินแคมเปญ ไปจนถึงการวัดผลและปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญให้ดียิ่งขึ้น

โดย MarTech นั้นครอบคลุมเครื่องมือและซอฟต์แวร์หลากหลาย ตัวอย่างเช่น

  • Generative AI ที่ช่วยสร้างเนื้อหาโฆษณาและคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
  • Chatbot และ Conversational AI ที่ช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารและให้บริการลูกค้าผ่านแชทได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  • Live Streaming Platform ที่เปิดโอกาสให้แบรนด์ไลฟ์สดเพื่อโปรโมตสินค้า สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้แบบ Real-time
  • Data Management Platform (DMP) ที่ช่วยรวบรวมและจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ของลูกค้าจากหลากหลายแหล่ง เพื่อนำมาวิเคราะห์และวางกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ MarTech Stack ที่มีอยู่อย่างหลากหลายในปัจจุบัน ซึ่งการเลือกใช้ MarTech ที่เหมาะกับธุรกิจ จะช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มขีดความสามารถทางการตลาด สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

ประเภทของ MarTech

ประเภทและตัวอย่างของ MarTech

ในโลกของ MarTech นั้นมีเครื่องมือและเทคโนโลยีทางการตลาดมากมายให้เลือกใช้ เพื่อตอบโจทย์ทุกขั้นตอนของกระบวนการทำการตลาด ตั้งแต่การหาไอเดีย การสร้างสรรค์เนื้อหา การวางแผนกลยุทธ์ ไปจนถึงการวัดผลและวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งหากจัดกลุ่มตาม MarTech Map จะสามารถแบ่งออกเป็น 6 ประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้

Advertising & Promotion 

เครื่องมือ MarTech ในกลุ่ม Advertising & Promotion ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้แบรนด์สามารถโฆษณาและโปรโมตสินค้าหรือบริการไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Social Ads ที่แสดงบนโซเชียลมีเดียยอดนิยมอย่าง Facebook, Instagram, TikTok หรือ Search Ads ที่ปรากฏบนหน้าผลการค้นหาของ Google

นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีโฆษณาแบบ Programmatic ที่ใช้ AI ช่วยในการซื้อและวางแผนสื่อโฆษณาแบบอัตโนมัติ ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ รวมถึง Native Advertising ที่ผสานโฆษณาเข้ากับเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้อย่างกลมกลืน ช่วยสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

การใช้เครื่องมือ Advertising MarTech ที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย สร้างการจดจำแบรนด์ และกระตุ้นยอดขายได้มากขึ้น ซึ่งจากผลสำรวจขององค์กรกว่า 269 แห่ง พบว่ามีการนำ Advertising & Promotion Technology ไปใช้งานถึง 67% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Social Ads และ Search Ads ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการทำการตลาดยุคใหม่

Commerce & Sales

เครื่องมือในกลุ่ม Commerce & Sales ถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการผลักดันให้เกิดการซื้อขายสินค้าหรือบริการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น Chat Commerce ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลและสั่งซื้อสินค้าได้ทันทีผ่านแชทบอท, Payment Gateway ที่อำนวยความสะดวกในการชำระเงินออนไลน์, E-commerce Platform ที่ช่วยให้แบรนด์มีหน้าร้านขายของบนโลกออนไลน์ได้ง่ายขึ้น รวมถึง Affiliate Marketing ที่เป็นการทำการตลาดแบบแชร์รายได้ส่วนแบ่งเมื่อเกิดการขาย

นอกจากนี้ ยังมีระบบ Multichannel Management ที่ช่วยเชื่อมต่อและบริหารจัดการคำสั่งซื้อจากหลากหลายแพลตฟอร์มเข้าด้วยกัน พร้อมระบบ Fulfillment ที่ช่วยจัดการขั้นตอนตั้งแต่รับออเดอร์ แพ็คสินค้า ไปจนถึงจัดส่งให้ถึงมือลูกค้าได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ล้วนช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและสร้างรายได้ให้กับธุรกิจ E-commerce ได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม การนำ Commerce & Sales MarTech มาใช้งานอาจมีข้อท้าทายบางประการ เช่น การเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มหรือระบบเดิมขององค์กร การบูรณาการข้อมูลจากหลายแหล่ง ซึ่งในอนาคตคาดว่า MarTech จะต้องปรับตัวให้สอดรับกับเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น การสั่งซื้อสินค้าผ่านอุปกรณ์อัจฉริยะอย่างตู้เย็นหรือลำโพงอัจฉริยะ เป็นต้น เพื่อให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคดิจิทัลได้อย่างรอบด้านมากขึ้น

Content & Experience 

Content & Experience MarTech เป็นเครื่องมือที่เน้นไปที่การสร้างสรรค์เนื้อหาและประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า (Customer Experience) โดยครอบคลุมเทคโนโลยีหลากหลายด้าน เริ่มตั้งแต่ Content Management System (CMS) ที่ช่วยให้สามารถสร้างและจัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ, Interactive Content เช่น เกม คลิปวิดีโอ ที่ดึงดูดให้ผู้ชมเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์มากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Generative AI ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างสรรค์เนื้อหาได้แบบอัตโนมัติ เช่น ออกแบบรูปภาพ เขียนบทความ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากรในการผลิตคอนเทนต์ได้มาก  รวมถึงการทำการตลาดผ่านอีเมล (Email Marketing), การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้น ๆ บน Search Engine (SEO) การส่งข้อความทางมือถือ (SMS Marketing) ตลอดจนการสร้าง Landing Page และระบบ Lead Generation เพื่อเก็บข้อมูลและติดต่อลูกค้าที่สนใจ

ด้วย Content & Experience MarTech ที่ครอบคลุมทุกช่องทาง จะช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) และมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้แก่ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่การสร้างความผูกพันและความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม การใช้งานเครื่องมือเหล่านี้ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ต้องคำนึงถึง เช่น ความสามารถในการเชื่อมต่อหรือทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ผ่าน API, การผ่านมาตรฐานการทดสอบคุณภาพ (QA) รวมถึงต้นทุนและความเชี่ยวชาญที่จำเป็นในการใช้งาน ดังนั้น ธุรกิจจึงควรเลือก Content & Experience MarTech ให้เหมาะสมกับเป้าหมายและทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อสร้างคุณค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้าและองค์กร

Social & Relationships Data

Social & Relationships Data MarTech เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้แบรนด์สามารถเก็บข้อมูลและสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นการทำ Social Media Management เพื่อบริหารจัดการและวิเคราะห์เนื้อหาบนโซเชียลมีเดียของแบรนด์, การจัดงานอีเวนต์หรือ Webinar เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้เข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงการใช้ CRM (Customer Relationship Management) ในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า ทั้งในตลาด B2B และ B2C

นอกจากนี้ Social & Relationships Data ยังครอบคลุมถึงการทำ Influencer Marketing ที่อาศัยอินฟลูเอนเซอร์ในการสร้างการรับรู้และความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์, การให้บริการ Customer Support ผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันท่วงที และการใช้ Social Proof เช่น รีวิวหรือคำแนะนำจากลูกค้า มาสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้ารายอื่น ๆ

การใช้ Social & Relationships Data อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงและเข้าใจลูกค้าเป้าหมายในเชิงลึกมากขึ้น นำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวและเพิ่มมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้า (Customer Lifetime Value)

แต่อย่างไรก็ตาม การใช้เครื่องมือเหล่านี้ก็ยังมีข้อจำกัดที่ต้องพิจารณา เช่น พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ อย่างในไทยที่นิยมใช้ LINE เป็นหลัก ซึ่งเครื่องมือ MarTech ในตลาดปัจจุบันอาจยังไม่ตอบโจทย์มากนัก, ความยากในการเชื่อมต่อข้อมูลจากหลายแพลตฟอร์ม ตลอดจนการขาดความร่วมมือจากคนภายในองค์กรในการนำไปใช้งาน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความท้าทายที่ธุรกิจต้องวางแผนรับมือให้ดี เพื่อให้การลงทุนใน Social & Relationships Data MarTech เกิดประโยชน์สูงสุด

Data

Data MarTech คือเครื่องมือสำหรับจัดการข้อมูลต่าง ๆ ที่เก็บผ่านระบบ MarTech อื่น ๆ เพื่อให้การประมวลผลการตลาดและนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการนำไปใช้หลากหลายด้าน เช่น Analytics, Marketing/Business Dashboard, Social Listening, Testing & Heat Mapping, Business Automation, Cookie & Consent Management และ CDP (Customer Data Platform) เป็นต้น

ทั้งยังรวมถึงการติดตามข่าวสารที่ลูกค้าพูดถึงแบรนด์ (Social Listening) และนำข้อมูลไปวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าต่อไป

ข้อท้าทายประเด็นหนึ่งในการนำเครื่องมือ Data MarTech มาใช้คือ ข้อมูลจากผู้ใช้มักได้รับความคุ้มครองค่อนข้างสูง ทำให้การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลโดยละเอียดอาจมีข้อจำกัดตามกฎหมายไปด้วย  นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ซึ่งกฎหมายต่าง ๆ ก็กำลังตามมาควบคุมการใช้งานอย่างเคร่งครัดขึ้นเรื่อย ๆ

Management

Management MarTech คือเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยจัดการและดำเนินงานทางด้านการตลาดให้ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยอาจรวมไปถึงการทำงานร่วมกัน (Collaboration) ด้วย ซึ่งถูกนำไปใช้ในหลากหลายด้าน เช่น Chat & Collaboration, Project Management และ Business Operations

หนึ่งในแนวทางปฏิบัติที่กำลังได้รับความนิยมคือการนำแนวคิด Agile มาปรับใช้ในงานการตลาด กล่าวคือเป็นกระบวนการที่ลดขั้นตอนในการทำงานโดยไม่จำเป็นต้องผ่านการสั่งการของผู้มีอำนาจเสมอไป ทำให้มีความคล่องตัวและทำงานอย่างสอดประสานมากขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าการยึดติดกับแผนงานและขั้นตอนแบบเดิมมาก ๆ

อย่างไรก็ตาม หนึ่งในปัญหาหลักของการใช้ Management MarTech คือการปฏิบัติไม่ได้ตามแผน ขาดความร่วมมือ เนื่องจากทีมงานภายในยังไม่ได้ปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ นี้ ซึ่งองค์กรจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจ และฝึกทักษะให้บุคลากรในทีมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถปรับตัวและร่วมมือกันทำให้การใช้เครื่องมือ MarTech ประสบความสำเร็จในที่สุด

ประโยชน์ของ MarTech

MarTech เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างความได้เปรียบให้กับองค์กร โดยมีประโยชน์ที่สำคัญดังนี้

  • ช่วยให้การวางแผนและดำเนินงานทางการตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถนำข้อมูลจากหลายแหล่งมาวิเคราะห์และใช้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ
  • ใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภค ทำให้สามารถส่งเนื้อหาที่ตรงใจและเกี่ยวข้องกับความสนใจของลูกค้าได้อย่างเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
  • ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) ให้ดีขึ้น เช่น มีระบบ Chatbot ที่ช่วยตอบคำถามและแก้ปัญหาลูกค้าได้ 24 ชั่วโมง ทำให้ลูกค้ารู้สึกได้รับการดูแลและมีความผูกพันต่อแบรนด์
  • ลดต้นทุนในการทำการตลาด เนื่องจาก MarTech ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ลดความผิดพลาดจากการทำงานแบบ Manual ทำให้องค์กรสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรได้
  • นำข้อมูลจากระบบ MarTech มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เพราะมีข้อมูลเชิงลึกถึงพฤติกรรมและความชอบของผู้บริโภค
  • ทำให้แบรนด์สามารถปรับตัวตอบสนองต่อเทรนด์ใหม่ ๆ ได้รวดเร็วขึ้น เพราะมีข้อมูลตลาด เทรนด์ และกระแสบนโซเชียลมีเดีย ทำให้สามารถกำหนดกลยุทธ์และแคมเปญได้อย่างทันท่วงที
  • ช่วยให้การวัดผลการตลาดเป็นไปอย่างแม่นยำมากขึ้น เนื่องจากมีข้อมูล Performance ของแต่ละแคมเปญแบบ Real-time ทำให้รู้ว่าแคมเปญไหนได้ผลดี ควรลงทุนต่อ หรือยุติแคมเปญที่ไม่เกิดประสิทธิผลโดยไม่เสียเวลา
  • เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจ เพราะ MarTech ช่วยขับเคลื่อนการตลาดด้วยข้อมูลและกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด ทำให้แบรนด์สามารถชิงความได้เปรียบและสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างก้าวกระโดด

ข้อดี-ข้อเสียของ MarTech (Marketing Technology)

ข้อดีของ MarTech

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: MarTech ช่วยให้ทีมการตลาดทำงานได้อย่างอัตโนมัติ รวดเร็ว แม่นยำมากขึ้น ลดความผิดพลาดจากการทำงานแบบ Manual
  • นำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ได้สูงสุด: ด้วย AI และ Machine Learning ในเครื่องมือ MarTech ทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล นำมาวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้ง
  • เพิ่ม ROI ทางการตลาด: การใช้ MarTech ทำให้สามารถวัดผลลัพธ์และความคุ้มค่าของแคมเปญได้แบบ Real-time ช่วยให้ปรับกลยุทธ์ได้ทันท่วงที ทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่สูงขึ้น
  • สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า: MarTech ช่วยให้แบรนด์สามารถส่งมอบข้อมูล ข่าวสาร และข้อเสนอที่เฉพาะเจาะจงและตรงใจลูกค้ามากขึ้น รวมถึงมีระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ

ข้อเสียของ  MarTech

  • ต้นทุนสูง: เครื่องมือ MarTech ที่ดีมักมีราคาแพง โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจ SME หรือ Startup ที่งบประมาณจำกัด อาจเป็นการลงทุนที่สูงเกินไป
  • ต้องใช้ทักษะและความเชี่ยวชาญ: การใช้งาน MarTech ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต้องอาศัยบุคลากรที่มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะด้านเทคโนโลยีโดยเฉพาะ ซึ่งหาได้ยาก และมีค่าจ้างสูง
  • ข้อมูลอาจไม่ครอบคลุม: แม้เครื่องมือ MarTech จะช่วยรวบรวมข้อมูลได้มาก แต่หลายครั้งอาจยังไม่สามารถเก็บข้อมูลได้ครอบคลุมทุกช่องทางที่ลูกค้าใช้งาน เช่น บางแพลตฟอร์มอาจมีข้อจำกัดไม่ให้ดึงข้อมูลได้ ทำให้เกิดช่องว่างของข้อมูลลูกค้า
  • ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูล: การใช้ MarTech ทำให้ต้องมีการเก็บข้อมูลของลูกค้าจำนวนมหาศาล ซึ่งหากขาดมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยข้อมูลที่ดีพอ อาจเกิดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล สร้างความเสียหายทั้งต่อลูกค้าและแบรนด์เอง

อาจเกิดการต่อต้านจากลูกค้า: หากลูกค้ารู้สึกว่าถูกละเมิดความเป็นส่วนตัว หรือได้รับข้อมูลที่ไม่ตรงใจมากเกินไป อาจเกิดการต่อต้านแบรนด์และเลิกใช้สินค้าหรือบริการไปในที่สุด

MarTech Tools มีอะไรบ้าง

Martech Tools

ในปัจจุบัน มีเครื่องมือ MarTech หรือ Marketing Technology มากมายให้เลือกใช้ตามวัตถุประสงค์และงบประมาณขององค์กร ลองมาดูตัวอย่างเครื่องมือยอดนิยมสำหรับนักการตลาดกัน

Google Ads

เป็นเครื่องมือโฆษณาออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ช่วยให้ธุรกิจสามารถทำโฆษณาบน Google Search, Youtube, Gmail และเว็บไซต์ในเครือข่ายของ Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเสียค่าใช้จ่ายเมื่อมีคนคลิกโฆษณาเท่านั้น

Blockdit

คือแพลตฟอร์ม Social Commerce สำหรับร้านค้าออนไลน์ โดยเฉพาะร้านค้าบน Facebook ที่สามารถสร้างหน้าร้านสวยงาม มีระบบตะกร้าสินค้า สามารถซื้อขายได้ทันที รวมถึงมีฟีเจอร์ Live ขายสินค้าบนหน้าเพจ ช่วยให้การขายบน Facebook ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

TikTok Shop

คือฟีเจอร์สำหรับการขายสินค้าบน TikTok โดยผู้ขายสามารถอัปโหลดและจัดการแคตตาล็อกสินค้า พร้อมแสดงข้อมูลสำคัญ เช่น ราคา สต็อกสินค้า ตลอดจนลิงก์ไปยังหน้าซื้อสินค้าได้ทันที ทำให้ขายของได้ง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสในการปิดการขาย โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่

MyCloudFulfillment

คือระบบจัดการคลังสินค้าและจัดส่งพัสดุครบวงจร ที่ทำให้การจัดการออเดอร์ทำได้ง่ายขึ้น ตั้งแต่รับออเดอร์ จัดของ ไปจนถึงจัดส่งให้ลูกค้าแบบอัตโนมัติ รองรับการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยม เช่น Shopify, Lazada, Shopee เป็นต้น

WordPress

คือแพลตฟอร์ม CMS (Content Management System) ที่ใช้สร้างเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ ของโลก เหมาะสำหรับสร้างเว็บไซต์ทุกประเภท ทั้งเว็บขายของ บล็อก เว็บองค์กร ด้วยการติดตั้งและใช้งานที่ง่าย มีส่วนเสริม (Plugin) และธีมให้เลือกมากมาย ช่วยให้องค์กรมีเว็บไซต์ที่ตอบโจทย์การตลาดได้ในราคาไม่แพง

Hootsuite 

เครื่องมือที่ช่วยให้ทีมการตลาดสามารถจัดการหลายโซเชียลมีเดียในที่เดียวได้อย่างสะดวกรวดเร็ว สามารถใช้งานฟีเจอร์พื้นฐาน เช่น ตั้งเวลาโพสต์ล่วงหน้า ตอบคอมเมนต์ ส่งข้อความ รวมถึงมีฟีเจอร์ Social Listening ที่ทำให้รู้ว่าผู้คนกำลังพูดถึงแบรนด์อย่างไรบ้าง ช่วยให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

Looker Studio

เป็นเครื่องมือสำหรับสร้าง Dashboard และรายงานสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด สามารถดึงข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น Google Ads, Google Analytics มารวมไว้ในที่เดียว ใช้งานง่าย มีเทมเพลตสำเร็จรูปให้เลือกใช้ ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลทำได้รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาจัดเตรียมข้อมูลเอง

Asana

เป็นเครื่องมือสำหรับจัดการโปรเจกต์ที่เหมาะกับการทำงานของทีมการตลาดเป็นอย่างมาก สามารถเพิ่มงาน กำหนดเดดไลน์ แบ่งหน้าที่ ติดตามงานได้อย่างเป็นระบบ มีฟีเจอร์ให้ทีมงานแชทพูดคุย ส่งไฟล์งานได้ ช่วยให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

บทสรุป MarTech

จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่า MarTech หรือ Marketing Technology นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำการตลาดยุคใหม่ ที่มุ่งเน้นการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อเข้าถึงและเข้าใจลูกค้าได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น

การนำ MarTech มาใช้ในองค์กรจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน ลดต้นทุนและเวลา ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างคุณค่าและประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า นำไปสู่ความพึงพอใจและ Brand Loyalty ในระยะยาว อีกทั้งยังช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยการนำข้อมูลเชิงลึกมาใช้ในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในเทคโนโลยีการตลาดเหล่านี้ ต้องอาศัยการพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งในแง่ของงบประมาณ บุคลากร และความพร้อมของระบบภายในองค์กร รวมถึงจะต้องคำนึงถึงประเด็นด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้าด้วย เพื่อสร้างความไว้วางใจและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

ดังนั้น การเลือกใช้ MarTech Stack ที่เหมาะสมกับธุรกิจ พร้อมกับการปรับกระบวนการทำงานและพัฒนาทักษะของทีมงานให้สอดรับกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะช่วยให้องค์กรสามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์จาก MarTech ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจประสบความสำเร็จท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในยุคดิจิทัล

หากต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วย MarTech ในองค์กรของคุณ หลักสูตร Disrupt Corporate Program จะช่วยให้คุณเรียนรู้กลยุทธ์และเครื่องมือทางการตลาดยุคใหม่อย่างเข้มข้นโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ

หาก‍สนใจหลักสูตรฝึกอบรม สามารถกรอกฟอร์มได้ที่ https://forms.gle/zgzmLGNgJNAJEXX66 

หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

โทร. 083-7698763 (แพรว)

โทร. 061-0207826 (ปานวาด)

References

Update ความรู้จาก Disrupt ได้ที่ช่องทาง